เหตุการณ์ไฟฟ้าดับทั่วเกาะไต้หวันซึ่งส่งผลให้ประชาชนกว่า 6 ล้านครัวเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้เป็นเวลาหลายชั่วโมงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมานั้น อาจกดดันให้ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ของไต้หวัน ต้องพิจารณาทบทวนนโยบายพลังงาน รวมถึงอาจมีการพิจารณาให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในโรงงานไฟฟ้าของไต้หวันอีกด้วย
ไอบีเอ็ม รีเสิร์ช ระบุว่า ประธานาธิบดีไต้หวันอาจต้องพิจารณาแผนการของตนเองที่ตั้งใจไว้ว่าจะทยอยยกเลิกการใช้โรงไฟฟ้าปฏิกรณ์นิวเคลียร์ภายในปี 2568 พร้อมลดการใช้โรงไฟฟ้าพลังถ่านหินดูใหม่อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม แม้ประธานาธิบดีไต้หวันยังไม่ได้รับปากที่จะปิดโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ที่เหลือในประเทศ แต่แรงกดดันจากประชาชนก็อาจส่งผลให้เธอต้องปรับเปลี่ยนนโยบาย
เหตุการณ์ไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ทั่วเกาะไต้หวันเกิดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เวลาประมาณ 17.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) หลังจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเกิดขัดข้องเนื่องจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ โดยกระแสไฟฟ้าได้กลับมาใช้งานได้อีกครั้งเมื่อเวลา 22.00 น.
ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้นายหลี่ จื้อคัง รัฐมนตรีเศรษฐกิจไต้หวัน ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบด้านการไฟฟ้าและปิโตรเลียม ประกาศลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีไต้หวันยังได้โพสต์ข้อความขอโทษประชาชนผ่านทางเฟสบุ๊กในวันดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าเธอจะเดินหน้าผลักดันการยุติการใช้โรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ และหันมาใช้พลังงานสะอาดทดแทน