กระทรวงพลังงานสหรัฐ (DOE) ได้อนุมัติให้ระบายน้ำมันดิบปริมาณ 1 ล้านบาร์เรล ออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve - SPR) เพื่อควบคุมราคาน้ำมันเบนซินที่กำลังพุ่งขึ้น ภายหลังจากพายุเฮอร์ริเคน "ฮาร์วีย์" ได้พัดถล่มรัฐเท็กซัสและลุยเซียนาอย่างหนักจนเกิดน้ำท่วมรุนแรงและส่งผลให้โรงกลั่นน้ำมันหลายแห่งต้องระงับการกลั่นน้ำมันรวมกว่า 20% ของปริมาณการผลิตทั้งประเทศ
นางเจสซิกา ไซมานสกี โฆษกหญิงของกระทรวงหลังงานสหรัฐ ระบุในแถลงการณ์ว่า "เพื่อรับมือกับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ ทางกระทรวงพลังงานจึงได้ตัดสินใจเจรจาและดำเนินการตามข้อตกลงฉุกเฉินกับโรงกลั่นน้ำมันฟิลิปส์ 66 ในเมืองเลกชาร์ลส์ รัฐลุยเซียนา โดยจะมีการส่งมอบน้ำมันดิบชนิด sweet crude oil ปริมาณ 400,000 บาร์เรล และน้ำมันดิบชนิด sour crude oil ปริมาณ 600,000 บาร์เรล ผ่านทางท่อส่งไปยังเมืองดังกล่าว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากพายุ"
นางไซมานสกี กล่าวว่า "ทางกระทรวงพลังงานจะคอยให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องหากจำเป็น และจะทบทวนคำร้องเกี่ยวกับการจัดสรรน้ำมันดิบจากคลังสำรอง SPR ต่อไป"
ทั้งนี้ อิทธิพลของพายุฮาร์วีย์ทำให้โรงกลั่นน้ำมัน 10 แห่งในมลรัฐที่ตั้งอยู่ริมอ่าวเม็กซิโกต้องระงับการผลิตชั่วคราว โดยจำนวนนี้มี 6 แห่งที่ได้เริ่มประเมินความเสียหายและกำลังพิจารณากลับมากลั่นน้ำมันอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม คาดว่าอาจต้องใช้เวลาอีกหลายวันจึงจะสามารถดำเนินการได้
การอนุมัติปล่อยน้ำมันดิบจากคลัง SPR ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งครั้งนั้น กระทรวงพลังงานได้อนุมัติจัดสรรน้ำมันดิบฉุกเฉินเพื่อรับมือกับพายุเฮอร์ริเคนไอแซค
ข้อมูลจากสำนักข่าวซินหัวระบุว่า ปัจจุบัน สหรัฐมีน้ำมันดิบในคลัง SPR ปริมาณ 679 ล้านบาร์เรล