สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2561 ก่อนจะปรับตัวขึ้นอีกในปี 2562
ทั้งนี้ EIA ได้เปิดเผยรายงาน "Short-Term Energy Outlook" เมื่อวานนี้ โดยคาดว่า การผลิตน้ำมันโดยเฉลี่ยของสหรัฐในปี 2561 จะอยู่ที่ 10.27 ล้านบาร์เรล/วัน และ 10.85 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี 2562 ซึ่งต่างก็สูงกว่าสถิติครั้งก่อนซึ่งเคยทำไว้เมื่อปี 2513 ที่ระดับ 9.6 ล้านบาร์เรล/วัน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ในอเมริกาเหนือ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้การผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐพุ่งขึ้น 5% ในปี 2560 นั้น ได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมน้ำมันในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และยังส่งผลให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก ตัดสินใจปรับลดการผลิตเพื่อลดปริมาณสต็อกน้ำมันในตลาดโลก
สำหรับราคาน้ำมันนั้น EIA คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) จะเคลื่อนไหวโดยเฉลี่ยที่ 55.33 ดอลลาร์/บาร์เรลในปี 2561 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากตัวเลขประมาณการครั้งก่อนที่ระดับ 52.77 ดอลลาร์/บาร์เรล และคาดว่า ราคาโดยเฉลี่ยในปี 2562 จะอยู่ที่ 57.43 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะเดียวกันคาดว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะเคลื่อนไหวโดยเฉลี่ยที่ 59.75 ดอลลาร์/บาร์เรลในปี 2561 เพิ่มขึ้นจากตัวเลขประมาณการครั้งก่อนที่ระดับ 57.26 ดอลลาร์/บาร์เรล และคาดว่าราคาโดยเฉลี่ยในปี 2562 จะอยู่ที่ 61.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
นอกจากนี้ EIA ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การผลิตน้ำมันและอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปี 2561 โดยคาดว่า การผลิตน้ำมันดิบทั่วโลกจะอยู่ที่ 100.34 ล้านบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 100.01 ล้านบาร์เรล/วัน และคาดว่า อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะอยู่ที่ 100.11 ล้านบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 99.96 ล้านบาร์เรล/วัน