รายงานของโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า นักลงทุนยังคงไม่มีความมั่นใจว่าการทะยานขึ้นของราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมา จะสามารถดำเนินไปอย่างยั่งยืน แม้ว่าราคาน้ำมันได้พุ่งขึ้นเกือบ 50% จากช่วงกลางปีที่แล้ว
โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนไม่มีความเชื่อมั่น ได้แก่ การผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐ
เมื่อปีที่แล้ว โกลด์แมน แซคส์ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์สำหรับปีนี้ สู่ระดับ 62 ดอลลาร์/บาร์เรล จากเดิมที่คาดการณ์ที่ระดับ 59 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมัน WTI คาดว่าจะอยู่ที่ 57.50 ดอลลาร์/บาร์เรล จากเดิมที่ระดับ 55 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทางด้านกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ระบุในรายงานประจำเดือนก.พ.ว่า โอเปกคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันจะมีการขยายตัวในปีนี้ มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ โอเปกยังคาดการณ์ว่า อุปทานน้ำมันจากกลุ่มประเทศนอกโอเปกจะพุ่งขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ โดยได้แรงหนุนจากการผลิตน้ำมันในสหรัฐ
ขณะเดียวกัน โอเปกคาดว่าตลาดจะกลับเข้าสู่ภาวะสมดุลในช่วงสิ้นปีนี้
รายงานระบุว่า การผลิตน้ำมันของโอเปกลดลง 8,000 บาร์เรล/วันในเดือนที่แล้ว สู่ระดับ 32.3 ล้านบาร์เรล/วัน ส่วนการผลิตน้ำมันจากกลุ่มนอกโอเปกจะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ โดยเพิ่มขึ้น 250,000 บาร์เรล/วันจากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ในเดือนม.ค. ขณะที่คาดว่ากลุ่มนอกโอเปกจะผลิตน้ำมัน 59.26 ล้านบาร์เรล/วัน สูงกว่าราว 320,000 บาร์เรล/วันเมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์เดิม
รายงานยังได้ปรับเพิ่มตัวเลขการผลิตน้ำมันของสหรัฐสู่ระดับ 150,000 บาร์เรล/วัน
โอเปกคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันจะมีการขยายตัว 1.59 ล้านบาร์เรล/วัน โดยเพิ่มขึ้น 60,000 บาร์เรล/วันจากตัวเลขคาดการณ์เดิม ส่งผลให้อุปสงค์รวมทั่วโลกอยู่ที่ระดับ 98.6 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้