สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ออกรายงานระบุว่า การผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของสหรัฐ จะทำให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เปลี่ยนแปลงนโยบายการผลิตน้ำมันครั้งใหญ่ในไม่ช้า
"การผลิตน้ำมันในสหรัฐมีการขยายตัวอย่างมาก จนทำให้การผลิตน้ำมันในปีนี้อาจเทียบเท่ากับการขยายตัวของความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก" IEA ระบุในรายงาน
"นี่เป็นเรื่องน่าคิดสำหรับประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นๆ ซึ่งกำลังปรับลดกำลังการผลิต และเผชิญกับการท้าทายจากการที่ถูกแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด" รายงานระบุ
ในเดือนพ.ย.2557 กลุ่มโอเปกใช้นโยบายเพิ่มกำลังการผลิต และกดดันราคาน้ำมันให้ลดลงอย่างมาก โดยหวังชิงส่วนแบ่งในตลาด และเพื่อทำให้กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ของสหรัฐประสบภาวะขาดทุนจนไม่สามารถทำการผลิตต่อไปได้ เนื่องจากมีต้นทุนสูงกว่าการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปก
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลงอย่างหนัก ก็ได้ส่งผลกระทบต่อสถานะการเงินของโอเปกเอง จนทำให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการผลิตในเวลาต่อมา โดยที่ประชุมโอเปกและประเทศนอกโอเปก เช่น รัสเซีย เห็นพ้องกันในการปรับลดกำลังการผลิต และต่อมามีการขยายเวลาปรับลดการผลิตจนถึงสิ้นปีนี้ แต่ราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น ก็ได้ดึงดูดให้ผู้ผลิตน้ำมันของสหรัฐกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตเช่นกัน
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สหรัฐสามารถผลิตน้ำมันมากกว่า 10 ล้านบาร์เรล/วันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2513
ส่วน IEA ระบุว่า สหรัฐมีแนวโน้มครองอันดับประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลกในปีนี้ โดยแซงหน้ารัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลกในขณะนี้ ขณะที่สหรัฐสามารถผลิตน้ำมันเทียบเท่ากับซาอุดิอาระเบียแล้ว