สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เปิดเผยรายงานประจำเดือน ซึ่งระบุว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ใกล้ที่จะประสบความสำเร็จในการลดปริมาณอุปทานล้นตลาดทั่วโลกลงได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
สำนักงานพลังงานสากลเปิดเผยในวันนี้ว่า สต็อกน้ำมันได้หดตัวลงอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา และอาจลดลงต่ำกว่าระดับเฉลี่ย 5 ปีตามที่โอเปกตั้งเป้าไว้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและรัสเซียได้ร่วมมือกันจำกัดเพดานการผลิต เพื่อทำให้ภาวะอุปสงค์-อุปทานกลับสู่ภาวะสมดุล และผลักดันราคาน้ำมันให้ปรับตัวสูงขึ้น
IEA ระบุว่า ณ สิ้นเดือนก.พ. สต็อกน้ำมันเชิงพาณิชย์ในประเทศอุตสาหกรรมลดลงมาอยู่ที่ราว 2.8 พันล้านบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าระดับเฉลี่ย 5 ปีอยู่เพียง 30 ล้านบาร์เรล ซึ่งทาง IEA คาดว่าในเดือนหรือสองเดือนข้างหน้า ปริมาณดังกล่าวอาจแตะระดับเฉลี่ย 5 ปี หรืออาจลดลงไปได้ต่ำกว่านั้น
ทั้งนี้ IEA ยังคงคาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะขยายตัว 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ แต่เตือนว่าข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ดำเนินอยู่ในเวลานี้ อาจจะเป็นปัจจัยเสี่ยงขาลงต่อตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันดังกล่าว เนื่องจากการที่สหรัฐตั้งกำแพงภาษีนำเข้าจากจีน และการที่จีนประกาศใช้มาตรการตอบโต้นั้น จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะส่งผลสืบเนื่องต่อความต้องการน้ำมันด้วยเช่นกัน โดย IEA ประเมินว่า ตัวเลขจีดีพีทั่วโลกที่ลดลง 1% อาจจะทำให้การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันลดลงราว 690,000 บาร์เรลต่อวัน