นายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รมว.น้ำมันซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า ซาอุดีอาระเบียหวังว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก จะลงนามในข้อตกลงในเดือนธ.ค.เพื่อขยายความร่วมมือในการจับตา และสร้างเสถียรภาพต่อตลาดน้ำมัน
"หากอุปทานน้ำมันประสบภาวะชะงักงัน ขณะที่สหรัฐใกล้คว่ำบาตรอิหร่าน เราก็จะดำเนินการตามมุมมองในขณะนี้ของเราด้วยการผลิตน้ำมันเพื่อรองรับความต้องการในตลาดเพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจ" นายอัล-ฟาลีห์กล่าว
นายอัล-ฟาลีห์ยังระบุว่า เขาไม่ตัดความเป็นไปได้ที่ซาอุดีอาระเบียจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นจากระดับปัจจุบันอีก 1-2 ล้านบาร์เรล/วันในอนาคต
ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียสามารถใช้เวลาเพียง 3 เดือนในการผลิตน้ำมันเต็มศักยภาพที่ 12 ล้านบาร์เรล/วัน หากมีความจำเป็น
ก่อนหน้านี้ โอเปกและประเทศนอกกลุ่มโอเปก นำโดยรัสเซีย มีมติขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.8 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน
นอกจากนี้ นายอัล-ฟาลีห์ยังระบุว่าตลาดน้ำมันในขณะนี้อยู่ในภาวะที่สดใส
ขณะเดียวกัน ซาอุดีอาระเบียยืนยันว่าจะไม่มีการใช้น้ำมันเป็นเครื่องมือทางการเมืองตอบโต้ชาติอื่นๆ หากซาอุดีอาระเบียถูกคว่ำบาตรกรณีการเสียชีวิตของนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวซาอุดีอาระเบีย
ต่อข้อถามที่ว่า ซาอุดีอาระเบียจะใช้มาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมัน ดังเช่นที่ชาติอาหรับใช้ในปี 2516 หรือไม่ นายอัล-ฟาลีห์กล่าวว่า "เราไม่มีความประสงค์เช่นนั้น และเหตุการณ์นี้จะผ่านพ้นไปในที่สุด โดยซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศที่มีความรับผิดชอบ ซึ่งในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เราใช้นโยบายน้ำมันเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจที่มีความรับผิดชอบ และไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง"
"บทบาทของผมในฐานะรัฐมนตรีน้ำมันมีหน้าที่ในการดำเนินนโยบายรัฐบาลที่สร้างสรรค์ และรับผิดชอบ และสร้างเสถียรภาพต่อตลาดพลังงานทั่วโลก เพื่อให้เศรษฐกิจโลกเกิดการพัฒนา" นายอัล-ฟาลีห์กล่าว
ทั้งนี้ หลายประเทศมีความไม่พอใจต่อซาอุดีอาระเบีย โดยมองว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนายคาช็อกกี และได้ตัดสินใจยกเลิกการเข้าร่วมงานประชุม Future Investment Initiative (FII) ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย