สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ระบุว่า ราคาน้ำมันที่ระดับสูงกำลังส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค และส่งสัญญาณลบต่อผู้ผลิต
ทั้งนี้ ประเทศในตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย เช่น อินเดียและอินโดนีเซีย ต่างก็ถูกกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นราว 15% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ขณะที่ค่าเงินในประเทศที่ดิ่งลงเทียบดอลลาร์ เป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น และฉุดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
นายฟาตีห์ ไบรอล ผู้อำนวยการบริหารของ IEA กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นได้ทำให้หลายประเทศประสบปัญหาขาดดุลบัญชีเดินสะพัด
อย่างไรก็ดี นายไบรอลคาดการณ์ว่าอุปสงค๋น้ำมันจะยังคงขยายตัวต่อไป แม้ว่ามีการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น เนื่องจากยังคงมีการใช้พลาสติก ขณะที่อุตสาหกรรมการบินมีการขยายตัว ซึ่งจะทำให้มีการลงทุนด้านการกลั่นน้ำมันเพื่อผลิตปิโตรเคมี และน้ำมันอากาศยาน
นอกจากนี้ นายไบรอลระบุว่า ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยการซื้อขาย LNG ในระดับโลกจะมากกว่า 5 แสนล้านลูกบาศก์เมตรต่อวันภายในปี 2566 โดยเพิ่มขึ้น 1 ใน 3 ในช่วง 5 ปีข้างหน้า ขณะที่กาตาร์ ออสเตรเลีย และสหรัฐ จะเป็นประเทศผู้ส่งออก LNG ราว 60% ของทั้งโลกภายในปี 2566