รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศให้คำมั่นเพื่อรักษาเสถียรภาพด้านพลังงานของประเทศ หลังจากมีรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้ตัดสินใจที่จะยกเลิกคำสั่งผ่อนผันให้ 8 ประเทศนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน ซึ่งมีญี่ปุ่นรวมอยู่ด้วย พร้อมกับเตือนว่า หากประเทศเหล่านี้ยังคงนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน ก็จะถูกสหรัฐคว่ำบาตร
นายโยชิฮิเดะ สึกะ หัวหน้าเลขานุการคณะรัฐมนตรี แถลงต่อสื่อมวลชนว่า "เราจะพิจารณามาตรการที่จำเป็น เพื่อทำให้มั่นใจว่าเสถียรภาพด้านพลังงานของญี่ปุ่นจะไม่ได้รับผลกระทบ ด้วยการแลกเปลี่ยนมุมมองกับบริษัทญี่ปุ่นที่เกี่ยวข้อง"
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า คำสั่งยกเลิกผ่อนผันนำเข้าน้ำมันอิหร่านมีขึ้น หลังเมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว สหรัฐได้บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน โดยมีผลต่อภาคธุรกิจพลังงาน ธนาคาร การต่อเรือ และการเดินเรือ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะกดดันให้อิหร่านยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ รวมทั้งยุติการสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธในตะวันออกกลาง อย่างไรก็ดี รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศผ่อนผันให้ 8 ประเทศยังคงสามารถนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านได้เป็นเวลา 6 เดือน โดยประเทศดังกล่าว ได้แก่ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ตุรกี อิตาลี และกรีซ
ด้านนายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า "เราจะทำให้การส่งออกน้ำมันของอิหร่านเหลือศูนย์ เราจะไม่ให้การผ่อนผันแก่ประเทศที่นำเข้าน้ำมันจากอิหร่านหลังวันที่ 2 พ.ค." โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
คำสั่งยกเลิกผ่อนผันนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนกดดันเพื่อให้อิหร่านล้มเลิกโครงการนิวเคลียร์ และตัดแหล่งเงินทุนที่สหรัฐอ้างว่าถูกนำไปใช้เพื่อบั่นทอนเสถียรภาพของตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ขาดแคลนทรัพยากร ส่งผลให้ต้องนำเข้าพลังงานเป็นจำนวนมาก โดยน้ำมันจากอิหร่านมีราคาค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับน้ำมันประเทศอื่น ๆ ขณะที่ญี่ปุ่นนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านในสัดส่วน 5% ของยอดนำเข้าทั้งหมด