นายไมเคิล เวิร์ธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเชฟรอน ได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่า เหตุการณ์โจมตีโรงงานน้ำมันสองแห่งในซาอุดีอาระเบียจะไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันของสหรัฐมากนัก เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มในระยะสั้น
อย่างไรก็ดี นายเวิร์ธซึ่งกล่าวให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีเมื่อวานนี้ คาดการณ์ว่า หากเกิดสงครามอย่างอย่างเต็มรูปแบบในตะวันออกกลาง ก็มีแนวโน้มสูงมากที่จะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น
นอกจากนี้ นายเวิร์ธกล่าวว่า เขาไม่คาดว่าเหตุการณ์โจมตีโรงงานน้ำมันในซาอุดีอาระเบียจะส่งผลกระทบต่อแผนการเสนอขายหุ้น IPO ของบริษัทซาอุดี อารามโค
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา คนร้ายได้ใช้โดรนโจมตีโรงงานน้ำมันสองแห่งของบริษัทซาอุดี อารามโค ในเขตอับกาอิก (Abqaiq) และคูราอิส (Khurais) จนเป็นเหตุให้เกิดเพลิงลุกไหม้ และส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง
ทางด้านรัฐมนตรีพลังงานของซาอุดีอาระเบีย ระบุว่า เหตุโจมตีดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันและก๊าซในปริมาณ 5.7 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่ตัวเลขล่าสุดที่โอเปกเปิดเผยเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า ซาอุดีอาระเบียผลิตน้ำมันในปริมาณ 9.8 ล้านบาร์เรล/วัน เท่ากับว่าผลผลิตจะหายไปราวครึ่งหนึ่ง หรือคิดเป็น 5% ของอุปทานน้ำมันทั่วโลก