หัวเว่ย ผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก และหัวเหนิง กรุ๊ป รัฐวิสาหกิจด้านกิจการไฟฟ้าของจีน ประกาศความสำเร็จของโรงไฟฟ้าหัวเหนิงตงฟาง ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ระบบดิจิทัลแห่งแรกที่สร้างขึ้นเมื่อปี 2559 โดยโรงไฟฟ้าแห่งนี้สามารถผลิตไฟฟ้าต่อปีได้มากกว่าเป้าหมายราว 20% และมีอัตราความขัดข้องเกือบเป็นศูนย์ตลอดสามปี
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้โรงไฟฟ้าหัวเหนิงตงฟางประสบความสำเร็จคือ การใช้โซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์อัจฉริยะของหัวเว่ย ซึ่งประกอบด้วยเทคโนโลยีมากมาย เช่น สตริงอินเวอร์เตอร์อัจฉริยะของหัวเว่ยที่ทำงานได้ยาวนานกว่าและผลิตไฟฟ้าได้มากกว่าอินเวอร์เตอร์ทั่วไป ทั้งยังทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย
ขณะเดียวกันยังมีการใช้เทคโนโลยีต่อต้านการเสื่อมสภาพแบบ PID (Potential Induced Degradation) ของหัวเว่ย เนื่องจากโรงไฟฟ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งเพียง 220 เมตร โมดูลจึงต้องทำงานอย่างต่อเนื่องท่ามกลางอุณหภูมิและความชื้นสูง จึงมีโอกาสเกิดการเสื่อมสภาพแบบ PID มากกว่าปกติ
โรงไฟฟ้าแห่งนี้ยังนำเครือข่าย 4G ไร้สายมาใช้แทนสายใยแก้วนำแสง ทำให้สามารถติดตั้งและใช้งานได้ภายในระยะเวลาเพียงสองสัปดาห์โดยไม่จำเป็นต้องขุดและฝังสายใยแก้วนำแสง และรับประกันว่าการสื่อสารจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องแม้โรงไฟฟ้าจะตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลก็ตาม
นอกจากนี้ เทคโนโลยี Smart I-V Curve Diagnosis ของหัวเว่ย ยังช่วยให้สามารถสแกนหาจุดบกพร่องของโมดูลได้อย่างรวดเร็วผ่านทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นจุดความร้อน รอยแตก หรือไดโอดลัดวงจร การบำรุงรักษาที่เคยใช้เวลานานหลายเดือนจึงใช้เวลาเหลือเพียงไม่กี่นาที
ทั้งนี้ หัวเหนิงยังคงทำงานร่วมกับหัวเว่ยในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อัจฉริยะโครงการอื่น ๆ โดยโรงไฟฟ้ากว่า 80% จากทั้งหมดใช้ระบบ FusionSolar Management System ของหัวเว่ย
เมื่อเดือนส.ค. 2562 หัวเหนิงและหัวเว่ยได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ โดยมุ่งสร้างความร่วมมือระยะยาวเพื่อส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี AI ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมกับผลักดันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเพื่อให้เป็นมาตรฐานการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ต่อไป