โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มร่วงลงแตะระดับ 20 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากซาอุดีอาระเบียประกาศลดราคาขายน้ำมันอย่างเป็นทางการ (OSP) ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเริ่มต้นของการทำสงครามราคาน้ำมัน หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตรที่นำโดยรัสเซีย ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงปรับลดการผลิตน้ำมันในการประชุมที่กรุงเวียนนาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ กล่าวว่า ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสงครามราคาน้ำมันที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้อาจทำให้แนวโน้มราคาน้ำมันดิบย่ำแย่ลงมากกว่าที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเดือนพ.ย. 2557 และอาจเข้าสู่วิกฤตการณ์ครั้งรุนแรงอย่างที่เคยเกิดขึ้นในปี 2559 จนทำให้ราคาน้ำมันดิบร่วงลงหลุดระดับ 30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในคราวนั้น
นักวิเคราะห์ระบุว่า "ตลาดน้ำมันกำลังได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอน 2 ประการซึ่งได้ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างมาก"
การแสดงความคิดเห็นดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่มีรายงานออกมาจากสื่อต่างประเทศว่า ซาอุดีอาระเบียได้วางแผนปรับเพิ่มการผลิตน้ำมันกว่า 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือนเม.ย. หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตรที่นำโดยรัสเซีย ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงปรับลดการผลิตน้ำมันในการประชุมที่กรุงเวียนนาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ในการประชุมเมื่อวันศุกร์ โอเปกได้เสนอให้ปรับลดการผลิตน้ำมันลงอีก 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวันนับตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย.ไปจนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อชดเชยอุปสงค์น้ำมันที่ลดลง อันเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยโอเปกต้องการให้ประเทศพันธมิตรให้ความร่วมมือลดการผลิตน้ำมันจำนวน 500,000 บาร์เรล/วัน จากจำนวน 1.5 ล้านบาร์เรล/วันที่กำหนดไว้
นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ กล่าวว่า "เราเชื่อว่าสงครามราคาน้ำมันได้เปิดฉากขึ้นหลังจากที่ซาอุดีอาระเบียประกาศลดราคาขายน้ำมันอย่างเป็นทางการ (OSP) เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มุมมองตลาดน้ำมันและก๊าซของเราต้องเปลี่ยนไป โดยคาดว่าผู้ผลิตที่มีต้นทุนต่ำจะเพิ่มอุปทานจากกำลังผลิตสำรอง เพื่อกดดันให้ผู้ผลิตที่มีต้นทุนสูงต้องปรับลดการผลิตลง"