ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้ออกมาขานรับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ที่ได้บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน ในการประชุมรอบที่ 2 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวานนี้ โดยปธน.ทรัมป์กล่าวว่า การบรรลุข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยปกป้องแรงงานในอุตสาหกรรมพลังงานของสหรัฐได้หลายหมื่นตำแหน่ง
ปธน.ทรัมป์ได้เปิดเผยผ่านการทวีตข้อความเมื่อวานนี้ว่า "ในที่สุดกลุ่มโอเปกพลัสก็สามารถบรรลุข้อตกลงครั้งใหญ่ ซึ่งจะช่วยปกป้องแรงงานในอุตสาหกรรมพลังงานของสหรัฐได้หลายหมื่นตำแหน่ง ผมขอบคุณและขอแสดงความยินดีกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย และสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดุลลาซิซ อัล ซาอุด แห่งซาอุดีอาระเบีย ผมได้มีโอกาสพูดคุยทางไกลร่วมกับทั้งสองท่าน และในที่สุดพวกเขาก็สามารถทำข้อตกลงกันได้"
ทั้งนี้ โอเปกพลัส ได้บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการประชุมฉุกเฉินรอบที่ 2 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวานนี้ โดยที่ประชุมเห็นชอบให้ปรับลดกำลังการผลิต 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ไปจนถึงสิ้นเดือนมิ.ย.
นอกจากนี้ กลุ่มโอเปกพลัสยังมีมติปรับลดการผลิต 8 ล้านบาร์เรล/วันตั้งแต่เดือนก.ค.ไปจนถึงสิ้นปี 2563 และจะปรับลด 6 ล้านบาร์เรล/วันตั้งแต่เดือนม.ค. 2564 ไปจนถึงเดือนเม.ย. 2565
มติดังกล่าวมีขึ้นในการประชุมฉุกเฉินซึ่งจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 12 เม.ย. และนับเป็นการประชุมรอบที่ 2 หลังจากที่โอเปกพลัสได้จัดการประชุมเบื้องต้นเมื่อวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยในการประชุมวันดังกล่าว ที่ประชุมได้ข้อตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 10 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนพ.ค.-มิ.ย. แต่เนื่องจากในขณะนั้น เม็กซิโกได้ปฏิเสธที่จะทำตามข้อเรียกร้องของโอเปกพลัสที่ต้องการให้เม็กซิโกปรับลดกำลังการผลิต 400,000 บาร์เรล/วัน
อย่างไรก็ดี ภายใต้ข้อตกลงใหม่นี้ เม็กซิโกยินยอมที่จะปรับลดกำลังการผลิต 100,000 บาร์เรล/วัน
ทั้งนี้ การประกาศลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกพลัสมีเป้าหมายที่จะสกัดการร่วงลงของราคาน้ำมัน หลังจากที่ราคาน้ำมันได้ทรุดตัวลงตามอุปสงค์น้ำมันที่ลดลงทั่วโลก อันเนื่องมาจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19