ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เปิดเผยเมื่อวานนี้ (20 เม.ย.) ว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะยุติการนำเข้าน้ำมันดิบจากซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นมาตรการที่จะช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมการขุดเจาะน้ำมันภายในประเทศ
ปธน.ทรัมป์เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวในการแถลงข่าวว่า เขาจะพิจารณาข้อเสนอดังกล่าว เนื่องจากสหรัฐมีน้ำมันปริมาณมากพอแล้วในขณะนี้
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบสหรัฐร่วงลงสู่ระดับติดลบเป็นครั้งแรกเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากภาวะปริมาณน้ำมันล้นตลาดโลก
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ดิ่งลง 55.90 ดอลลาร์ หรือ 306% ปิดที่ -37.63 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นระดับติดลบครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มมีการซื้อขายสัญญาน้ำมันในตลาด NYMEX เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่า การที่รัฐบาลทั่วโลกใช้มาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งรวมถึงการสั่งให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านและห้ามเดินทางเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น จะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันทรุดตัวลง
นอกจากนี้ การที่คลังเก็บน้ำมันของสหรัฐกำลังกักเก็บน้ำมันใกล้เต็มความจุ ในขณะที่สต็อกน้ำมันสหรัฐก็พุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ด้วยนั้น ยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบ WTI เดือนพ.ค. ซึ่งจะครบกำหนดส่งมอบในวันนี้ (21 เม.ย.)
การทรุดตัวลงอย่างหนักของราคาน้ำมันมีแนวโน้มทำให้อุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐเข้าสู่ภาวะล้มละลาย หลังจากที่เคยเฟื่องฟูอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ปธน.ทรัมป์ระบุว่า การร่วงลงของราคาน้ำมันเป็นเพียงระยะสั้น และเกิดจากภาวะการเงินที่ตึงตัว แต่ก็ระบุว่า อุตสาหกรรมน้ำมันกำลังได้รับผลกระทบภาวะขาดแคลนอุปสงค์ เนื่องจากรัฐต่างๆ กำหนดมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงทำให้ประชาชนมีความต้องการใช้น้ำมันลดน้อยลงอย่างมาก