สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 พ.ค. โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 11.5 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งลดลง 100,000 บาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า และลดลง 500,000 บาร์เรล/วัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การผลิตน้ำมันดิบที่ลดน้อยลงในสหรัฐเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 พ.ค.) โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. พุ่งขึ้น 1.53 ดอลลาร์ หรือ 4.8% ปิดที่ 33.49 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. 2563
ส่วนอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยหนุนราคาน้ำมันเมื่อคืนนี้ มาจากรายงานของ EIA ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 พ.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 2 สัปดาห์ และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน WTI ร่วงลง 5.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา