กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติผ่อนคลายข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน โดยเห็นชอบให้ปรับลดการผลิตเพียง 7.7 ล้านบาร์เรล/วัน จากปัจจุบันที่ปรับลด 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน โดยมติดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนส.ค.นี้ ไปจนถึงสิ้นปี 2563
การลงมติดังกล่าวมีขึ้นในการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต (JMMC) ของกลุ่มโอเปกพลัสเมื่อวานนี้ โดยคณะกรรมการ JMMC ประกอบด้วยซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย อิรัก แอลจีเรีย คูเวต เวเนซุเอลา ไนจีเรีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และคาซัคสถาน
การตัดสินใจดังกล่าวบ่งชี้ว่า จะมีน้ำมันดิบในปริมาณ 2 ล้านบาร์เรล/วันจากกลุ่มโอเปกพลัสไหลเข้าสู่ตลาดน้ำมันโลก โดยที่ประชุมโอเปกพลัสระบุว่า ความต้องการใช้น้ำมันเริ่มฟื้นตัวขึ้นจากการที่ประเทศต่างๆกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังประกาศมาตรการล็อกดาวน์ก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
อย่างไรก็ดี โอเปกพลัสระบุว่าอาจจะมีการจัดประชุมฉุกเฉินในวันข้างหน้าเพื่อทบทวนข้อตกลง หากรัฐบาลของประเทศต่างๆประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดอีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันปรับตัวลดลงด้วย
เจ้าชายอับดูลาซิส บิน ซัลมาน รัฐมนตรีพลังงานซาอุดีอาระเบีย และนายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รัฐมนตรีพลังงานรัสเซีย ซึ่งร่วมเป็นประธานการประชุมทางไกลของโอเปกพลัสในครั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้ประเทศสมาชิกกลุ่มโอเปกพลัสปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังขอให้ประเทศสมาชิกที่มีการผลิตน้ำมันส่วนเกินในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ให้ยื่นแผนการชดเชยการผลิตให้กับเลขาธิการโอเปกภายในสิ้นเดือนก.ค.นี้
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมโอเปกพลัสมีมติเห็นชอบให้ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ไปจนถึงสิ้นเดือนมิ.ย. ต่อมาในวันที่ 6 มิ.ย. กลุ่มโอเปกพลัสได้บรรลุข้อตกลงขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 9.7 ล้านบาร์เรล/วันออกไปจนถึงเดือนก.ค. จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมิ.ย.