ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียรับอาสาที่จะปรับลดกำลังการผลิตลงอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 8.125 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในข้อตกลงที่จะโน้มน้าวให้บรรดาผู้ผลิตส่วนใหญ่ของกลุ่มโอเปกพลัสคงการผลิตน้ำมันไว้ที่ระดับ 7.2 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นเดือนก.พ. ในช่วงเวลาที่มาตรการล็อกดาวน์สกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ซึ่งรวมถึงนายเดเมียน โคแวเลียนกล่าวว่า การที่ซาอุดีอาระเบียยอมปรับลดการผลิตน้ำมันน่าจะมาจากหลายเหตุผลด้วยกัน ซึ่งรวมถึงความต้องการใช้น้ำมันที่ลดลง และความเสี่ยงที่สหรัฐจะเพิ่มการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน แต่เชื่อว่าเหตุผลที่สำคัญที่สุดคือการที่ซาอุดีอาระเบียคาดการณ์ว่า ปริมาณการใช้น้ำมันทั่วโลกจะชะลอตัวลงอย่างมาก ซึ่งรวมถึงในเอเชียซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ โกลด์แมน แซคส์คาดว่า การเปลี่ยนผ่านตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐไปเป็นคณะบริหารของนายโจ ไบเดนซึ่งมีความเป็นมิตรกับซาอุดีอาระเบียน้อยกว่าคณะบริหารของปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ซาอุดีอาระเบียต้องเปลี่ยนท่าทีที่เป็นบวกมากขึ้นต่อกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นๆ ในตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ความต้องการใช้น้ำมันในเดือนม.ค.และก.พ.ปีนี้จะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 92.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากระดับ 93.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนธ.ค.