สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับปัจจุบันในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ และคาดว่าราคาจะปรับตัวลงในปีหน้า
EIA เปิดเผยรายงาน Short-Term Energy Outlook (STEO) ประจำเดือนส.ค.เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า ราคาสปอตของน้ำมันดิบเบรนท์ในเดือนก.ค.โดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 75 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์/บาร์เรลจากระดับของเดือนมิ.ย. และเพิ่มขึ้น 25 ดอลลาร์/บาร์เรลจากระดับในช่วงสิ้นปี 2563
ทั้งนี้ EIA คาดว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับปัจจุบันไปจนถึงสิ้นปี 2564 โดยคาดว่าราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 72 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงเดือนส.ค.จนถึงเดือนพ.ย.
อย่างไรก็ดี ในปี 2565 การที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) เพิ่มการผลิตน้ำมัน ประกอบกับการผลิตน้ำมันในสหรัฐที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วนั้น อาจส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกพุ่งขึ้นแซงหน้าการใช้น้ำมัน และจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลงสู่ระดับเฉลี่ย 66 ดอลลาร์/บาร์เรล
รายงานของ EIA ยังระบุด้วยว่า ปริมาณการใช้ปิโตรเลียมและเชื้อเพลิงเหลวทั่วโลกในเดือนก.ค.อยู่ที่ระดับ 98.8 ล้านบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 6 ล้านบาร์เรล/วันจากเดือนก.ค.ปีที่แล้ว พร้อมกับคาดการณ์ว่า การใช้ปิโตรเลียมและเชื้อเพลิงทั่วโลกในปี 2564 จะอยู่ที่ 97.6 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 5.6 ล้านบาร์เรล/วันจากปี 2563 นอกจากนี้ คาดว่า การใช้ปิโตรเลียมและเชื้อเพลิงเหลวในปี 2565 จะเพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 101.2 ล้านบาร์เรล/วัน
ส่วนการผลิตน้ำมันดิบนั้น EIA คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกจะอยู่ที่ 26.5 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2564 เพิ่มขึ้นจากระดับ 25.6 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2563 โดยการคาดการณ์ดังกล่าวอยู่บนสมมติฐานที่ว่า กลุ่มโอเปกจะปรับเพิ่มการผลิตน้ำมันไปจนถึงสิ้นปี 2564 ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
แถลงการณ์ของ EIA ระบุว่า ตัวเลขคาดการณ์ที่มีการเปิดเผยในรายงานล่าสุดนี้ อยู่บนสมมติฐานที่ว่าเศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องและการเดินทางสัญจรทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น