หน่วยงานของรัฐบาลจีนเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า จีนจะระบายน้ำมันดิบออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve -SPR) โดยจะดำเนินการผ่านการประมูลสาธารณะแบบเป็นขั้นเป็นตอน และมีเป้าหมายที่จะช่วยให้โรงกลั่นของจีนสามารถควบคุมต้นทุน โดยข่าวดังกล่าวส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กร่วงลง 1.7% เมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.)
สำนักงานบริหารคลังสำรองยุทธศาสตร์และอาหารแห่งชาติจีน (NFSRA) เปิดเผยว่า จีนจะระบายน้ำมันออกจากคลังสำรอง SPR เป็นครั้งแรก โดยจะดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอน และคาดว่าจะช่วยให้ภาวะอุปทานและอุปสงค์ในตลาดของจีนมีเสถียรภาพมากขึ้น อีกทั้งเป็นการรับประกันความมั่นคงด้านพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพของจีน
อย่างไรก็ดี NFSRA ไม่ได้เปิดเผยว่าจะระบายน้ำมันจากคลัง SPR ออกมาประมูลในปริมาณเท่าใดและเมื่อใด โดยที่ผ่านมานั้น จีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก มักจะรักษาความลับเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันในคลังสำรอง SPR
บริษัท Consultancy Energy Aspects คาดการณ์ไว้ในช่วงต้นเดือนก.ค.ที่ผ่านมาว่า จีนมีน้ำมันดิบสำรองอยู่ในคลัง SPR ประมาณ 220 ล้านบาร์เรล ซึ่งสามารถรองรับอุปสงค์ได้ในเวลา 15 วัน
การประกาศแผนระบายน้ำมันจากคลังสำรอง SPR ถือเป็นมาตรการล่าสุดที่จีนต้องการจะสกัดความร้องแรงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลักๆในปีนี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ จีนได้ระบายสต็อกโลหะภาคอุตสาหกรรมซึ่งได้แก่ทองแดง อะลูมิเนียม และสังกะสี จากคลังสำรองแห่งชาติ เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และเพื่อลดต้นทุนสำหรับบริษัทต่างๆ
ฟิล ไฟน์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Price Futures Group กล่าวว่า "ข่าวการระบายน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ของจีนถือเป็นข่าวใหญ่และสร้างแรงกดดันต่อตลาดน้ำมัน และนับเป็นครั้งแรกที่จีนประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองดังกล่าว ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลจีนมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัว, การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน และภาวะเงินเฟ้อ"