โกลด์แมน แซคส์แสดงความเห็นว่า น้ำมันดิบที่ระบายออกจากคลังสำรองของหลายประเทศซึ่งนำโดยสหรัฐนั้น อาจจะทำให้อุปทานน้ำมันโลก เพิ่มขึ้นราว 70-80 ล้านบาร์เรล ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า การระบายน้ำมันจะมีปริมาณมากกว่า 100 ล้านบาร์เรล
"เมื่อพิจารณาจากแบบจำลองราคาของเรา การระบายน้ำมันจากคลังสำรองในครั้งนี้จะมีมูลค่าน้อยกว่า 2 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งต่ำกว่ามากจากการร่วงลงของราคาน้ำมันถึง 8 ดอลลาร์/บาร์เรลที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ปลายเดือนต.ค." โกลด์แมน แซคส์ระบุในรายงานซึ่งใช้ชื่อว่า "A Drop In The Ocean" ซึ่งเผยแพร่ในวันที่ 23 พ.ย.
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนประกาศเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐจะระบายน้ำมันดิบจำนวน 50 ล้านบาร์เรลออกจากคลัง SPR เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในตลาด ขณะที่รัฐบาลอินเดียประกาศระบายน้ำมันดิบจำนวน 5 ล้านบาร์เรล
ทั้งนี้ สหรัฐจะระบายน้ำมันดิบร่วมกับสหราชอาณาจักร จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย ซึ่งถือเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นครั้งแรกในการดำเนินมาตรการดังกล่าว
ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ในวันอังคาร (23 พ.ย.) หลังจากรัฐบาลสหรัฐและชาติพันธบัตรประกาศระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) ในปริมาณที่ต่ำกว่าคาดการณ์
"ปริมาณน้ำมันที่รัฐบาลเหล่านี้ระบายออกจากคลังสำรองนั้น อาจทำให้อุปทานน้ำมันโลก เพิ่มขึ้นราว 70-80 ล้านบาร์เรลเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ระดับกว่า 100 ล้านบาร์เรล " โกลด์แมน แซคส์ระบุ
การแสดงความเห็นของโกลด์แมน แซคส์ สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์จากบริษัท OANDA กล่าวว่า "น้ำมันดิบที่สหรัฐและชาติพันธมิตรระบายออกจากคลังสำรองนั้น มีปริมาณน้อยกว่าที่คาดไว้ และเราไม่แปลกใจ หากกลุ่มโอเปกพลัสจะตัดสินใจชะลอแผนเพิ่มการผลิตน้ำมัน"
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กลุ่มโอเปกพลัสอาจระงับแผนเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนธ.ค. หลังจากที่สหรัฐและชาติพันธมิตรประกาศระบายน้ำมันออกจากคลังสำรอง