คณะกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) คาดการณ์ว่า การที่สหรัฐและประเทศพันธมิตรร่วมมือกันระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองนั้น จะทำให้อุปทานน้ำมันส่วนกินในตลาดโลกเพิ่มขึ้นในช่วงต้นปีหน้า
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า คณะกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจซึ่งเป็นที่ปรึกษาของโอเปกคาดว่า ปริมาณน้ำมันดิบในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 2.3 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนม.ค.ปีหน้า และแตะระดับ 3.7 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนก.พ. หากสหรัฐและประเทศพันธมิตรทำตามคำมั่นสัญญาในการระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองในช่วงเวลาดังกล่าว
สหรัฐประกาศเมื่อวันอังคาร (23 พ.ย.) ว่าจะระบายน้ำมันดิบ 50 ล้านบาร์เรลออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) โดยสหรัฐจะร่วมมือกับจีน, อินเดีย, เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบ หลังจากกลุ่มโอเปกพลัสปฏิเสธข้อเรียกร้องของสหรัฐที่ต้องการให้เพิ่มการผลิตน้ำมันมากกว่า 400,000 บาร์เรล/วัน
ด้านนายโคอิชิ ฮากิอูดะ รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ญี่ปุ่นจะระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองฉุกเฉินในปริมาณหลายแสนกิโลลิตร โดยมีเป้าหมายที่จะร่วมมือกับสหรัฐและประเทศพันธมิตรในการสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน
บลูมเบิร์กระบุว่า เจ้าหน้าที่บางรายของกลุ่มโอเปกได้ส่งสัญญาณว่า โอเปกจะยกเลิกแผนการปรับเพิ่มการผลิตน้ำมันสำหรับเดือนม.ค. หากปริมาณน้ำมันที่สหรัฐและชาติพันธมิตรระบายออกจากคลังสำรองส่งผลให้เกิดภาวะน้ำมันล้นตลาด