ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างรัสเซียและยูเครนส่งผลกระทบต่อตลาดพลังงาน ขณะที่สถานการณ์ความไม่แน่นอนอาจส่อเค้าว่า ราคาก๊าซในยุโรปจะยังคงสูงต่อไปอีกนาน
นายแดน เยอร์กิน ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า "ตลาดก๊าซอยู่ในภาวะตึงตัวมาก ซึ่งชัดเจนว่า สถานการณ์ที่ใกล้เข้าสู่จุดวิกฤตระหว่างรัสเซียและยูเครนนั้นสร้างแรงกดดันต่อตลาด เนื่องจากรัสเซียส่งก๊าซให้ยุโรปคิดเป็นสัดส่วน 35%"
ทางด้านแคปิตอล อีโคโนมิกส์ (Capital Economics) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยได้เตือนว่า หากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนรุนแรงขึ้น ราคาก๊าซในยุโรป ซึ่งเคยสูงเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่แล้วก็อาจสูงขึ้นอีก
นายวิลเลียม แจ๊กสัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ฝ่ายตลาดเกิดใหม่ของแคปิตอล อีโคโนมิกส์ ให้ความเห็นว่า นอกจากยุโรปจะต้องพึ่งพาก๊าซจากรัสเซียแล้ว ตอนนี้ปริมาณก๊าซในคลังสำรองยังอยู่ในระดับต่ำ ไม่ว่าประเทศอื่นจะใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อการส่งออกพลังงานของรัสเซีย หรือรัสเซียจะใช้การส่งออกก๊าซเป็นเครื่องต่อรองก็ตาม ราคาก๊าซธรรมชาติในยุโรปก็อาจจะยังสูงอยู่ดี
สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยมีรายงานหลายครั้งว่า กองกำลังรัสเซียได้เข้าประชิดชายแดนยูเครน ซึ่งวิกฤตดังกล่าวนำไปสู่การส่งสัญญาณว่า สหรัฐอาจใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียเพื่อหยุดยั้งการรุกรานยูเครน ขณะที่แคปิตอล อีโคโนมิกส์ มองว่าหากการคว่ำบาตรเกิดขึ้นจริง ราคาก๊าซในยุโรปอาจพุ่งทะลุระดับ 180 ปอนด์ต่อเมกะวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งเคยเกิดขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้ว