บริษัทออกซิน โซลาร์ อิงค์ (Auxin Solar Inc) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตแผงพลังงานแสงอาทิตย์หรือโซลาร์เซลล์รายใหญ่ของสหรัฐ กำลังยื่นคำร้องให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐดำเนินการตรวจสอบความเป็นไปได้ที่จะใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าอุปกรณ์จากประเทศไทย, มาเลเซีย, เวียดนาม และกัมพูชา
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เอกสารที่ยื่นต่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า บริษัทออกซินได้กล่าวหาว่าแผงพลังงานแสงอาทิตย์ที่นำเข้ามาในประเทศนั้นใช้ชิ้นส่วนหรือส่วนประกอบจากประเทศจีน และกลุ่มผู้ผลิตได้นำชิ้นส่วนเหล่านั้นมาประกอบขึ้นในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ดังกล่าวข้างต้น โดยมีเจตนาที่จะหลบเลี่ยงภาษี ซึ่งการยื่นคำร้องดังกล่าวมีหลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ได้ตัดสินใจในเดือนพ.ย.ปีที่แล้วว่าจะไม่ดำเนินการตรวจสอบข้อกล่าวหาดังกล่าว
ทั้งนี้ สหรัฐได้เรียกเก็บภาษีผลิตภัณฑ์โซลาร์เซลล์จากจีนครั้งแรกในปี 2555 และต่อมาในปี 2564 คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้สั่งระงับการนำเข้าอุปกรณ์โซลาร์เซลล์ที่ใช้วัตถุดิบที่มีต้นตอมาจากบริษัทโฮไชน์ ซิลิคอน อินดัสทรี (Hoshine Silicon Industry Co.) ของจีน เพื่อตอบโต้จีนที่กระทำการข่มเหงชนกลุ่มน้อยในมณฑลซินเจียง
ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานทดแทนของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงนักวิเคราะห์จากบริษัทรอธ แคปิตอล พาร์ทเนอร์เตือนว่า การกีดกันทางการค้าที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ภายในประเทศเป็นไปอย่างล่าช้า โดยเฉพาะหากมีการใช้มาตรการใหม่เพื่อสกัดกั้นการนำเข้าอุปกรณ์ที่ผลิตในประเทศไทย มาเลเซีย และเวียดนาม เนื่องจากสหรัฐต้องนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์จากประเทศเหล่านี้เป็นส่วนใหญ่
"มาตรการเก็บภาษีนำเข้าจะก่อให้เกิดความเสี่ยงครั้งใหม่ต่ออุตสาหกรรมโซลาร์เซลล์ในสหรัฐ อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐอาจต้องใช้นานหลายเดือนในการตัดสินใจว่า จะเริ่มดำเนินการตรวจสอบเพื่อเรียกเก็บภาษีหรือไม่" นักวิเคราะห์ระบุ