บริษัทเชลล์ ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกเปิดเผยผลกำไรรายไตรมาสสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 เนื่องจากราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น และทำให้เกิดข้อเรียกร้องให้จัดเก็บภาษีจากบริษัทน้ำมันและก๊าซเพิ่มขึ้นเป็นกรณีพิเศษเพื่อช่วยเหลือภาคครัวเรือนในอังกฤษที่ได้รับผลกระทบจากราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น
เชลล์รายงานว่า ผลกำไรหลังปรับทบทวนในไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 9.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสอดคล้องกับคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเรฟินิทีฟ (Refinitiv) และยังสูงกว่ากำไรในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 3.2 พันล้านดอลลาร์ และ 6.4 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4/2564
นอกจากนี้ บริษัทยังประกาศแผนเพิ่มเงินปันผลสำหรับไตรมาสแรกขึ้นอีกราว 4% เป็น 0.25 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงผลกำไรรายไตรมาสที่แข็งแกร่งมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2/2551 ซึ่งขณะนั้นเชลล์มีผลกำไรอยู่ที่ 1.07 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยเชลล์มีกำไรจำนวนมากทั้งในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ แม้ว่าบริษัทพลังงานรายใหญ่หลายแห่งจะต้องตัดจำหน่ายสินทรัพย์ออกจากตลาดรัสเซียเป็นจำนวนมากเนื่องจากมาตรการคว่ำบาตร หลังรัสเซียบุกโจมตียูเครน
ด้านบีพีซึ่งเป็นคู่แข่งของเชลล์ได้ประกาศเพิ่มการซื้อคืนหุ้น หลังเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 1 ของปีงบการเงิน 2565 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (3 พ.ค.) โดยรายงานกำไรที่แข็งแกร่งในรอบกว่า 10 ปี แม้เผชิญกับการขาดทุนครั้งใหญ่ หลังขายหุ้นรอสเนฟต์ (Rosneft) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรัสเซียเกือบ 20%
ขณะที่บริษัทโททาลเอนเนอร์ยี่ส์ของฝรั่งเศส, อีควินอร์ของนอร์เวย์ รวมถึงเชฟรอนและเอ็กซอน โมบิล ต่างก็รายงานผลกำไรไตรมาสแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นอย่างมากด้วยเช่นกัน