กลุ่มบริษัทพลังงานในศรีลังกาออกมาเปิดเผยวันนี้ (9 พ.ค.) ว่าขณะนี้คลังแก๊สปิโตรเลียมเหลว (LPG) หรือแก๊สหุงต้มมีปริมาณเหลือน้อยเต็มทีเนื่องจากขาดแคลนเงินตราต่างประเทศ ซ้ำเติมให้วิฤกติเศรษฐกิจทั่วเกาะศรีลังกาเลวร้ายยิ่งขึ้นไปอีก
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานายอาลี ซาบรี รัฐมนตรีคลังของศรีลังการะบุว่า ผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น และนโยบายลดหย่อนภาษีของประธานาธิบดีโคฐาภยะ ราชปักษะทำให้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของศรีลังกาเหลือเพียง 50 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ปัญหาการขาดแคลนเชื้อเพลิง ซึ่งส่วนใหญ่ต้องนำเข้า อาหารและยารักษาโรค ส่งผลให้เกิดการชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลซึ่งส่วนใหญ่เป็นไปอย่างสันติ แม้ว่าปธน.ราชปักษะจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นครั้งที่สองในรอบ 5 สัปดาห์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (6 พ.ค.) แล้วก็ตาม
นายวิจิฐะ เฮรัธ ประธานบริษัทลิโตรแก๊ส (Litro Gas) ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า วิกฤติการขาดแคลนเงินตราต่างประเทศส่งผลให้เกิดการขาดแคลนพลังงานอย่างหนัก เนื่องจากบริษัทไม่อาจหาเงินดอลลาร์ได้เพียงพอต่อการซื้อก๊าซ
ทั้งนี้รายวิจิฐะกล่าวว่า "เราจะได้รับเงิน 7 ล้านดอลลาร์จากธนาคารกลางด้วยความร่วมมือจากท่านประธานาธิบดีเพื่อชำระค่าขนส่งแก๊สหุงต้มจำนวน 3,500 เมตริกตัน (MT) ซึ่งคาดว่าจะมาถึงในวันอังคารนี้"
ปัจจุบันแก๊สหุงต้มขั้นต่ำที่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนศรีลังกาคือ 40,000 เมตริกตันต่อเดือน ซึ่งปัจจุบันคิดเป็นมูลค่ากว่า 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
มีรายงานว่า ประชาชนได้รวมตัวกันปิดกั้นถนนประท้วงแบบไม่คาดหมาย หลังต้องต่อแถวยาวเหยียดเพื่อซื้อแก๊สหุงต้มตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมา