ผู้ใช้รถในกรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว พากันมารอต่อคิวเพื่อเติมน้ำมันที่ปั๊มเป็นเวลาหลายชั่วโมง เนื่องจากวิกฤตด้านพลังงานส่งผลให้น้ำมันในประเทศขาดแคลน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ถึงวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศ
เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์ลาวเชียน ไทม์ส ระบุว่า วิกฤตพลังงานดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่เศรษฐกิจของลาวได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึงเงินกีบที่อ่อนค่าลง ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ลาวเผชิญปัญหาการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงในพื้นที่ต่างจังหวัดมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้ว และวิกฤตดังกล่าวเริ่มเกิดขึ้นในกรุงเวียงจันทน์เมื่อช่วงบ่ายวันจันทร์ที่ผ่านมา (9 พ.ค.) ทำให้ผู้ใช้รถต้องต่อคิวเติมน้ำมันเป็นเวลาหลายชั่วโมง ส่งผลให้การจราจรติดขัดตามถนนสายสำคัญ
ทางด้านสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า สถานีบริการน้ำมันจะจำกัดให้ลูกค้าเติมน้ำมันได้สูงสุดไม่เกิน 500,000 กีบ (หรือราว 1,350 บาท) ด้านหน่วยงานผู้นำเข้าน้ำมันของรัฐบาลลาวได้ออกมาระบุว่าสามารถนำเข้าน้ำมันได้เพียง 20 ล้านลิตร ขณะที่ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันในประเทศนั้นอยู่ที่ 120 ล้านลิตรต่อเดือน
ทั้งนี้ รายงานข่าวดังกล่าวเป็นการอ้างข้อมูลจากจดหมายที่บริษัทน้ำมันเชื้อเพลิงลาว (Lao State Fuel Company) ชี้แจงถึงผู้ค้าน้ำมันรายย่อยในสัปดาห์นี้ โดยระบุว่า ผู้ให้บริการน้ำมันมาถึงจุดที่ "ไม่สามารถตอบสนองความต้องการใช้น้ำมันของลูกค้าได้เพียงพอ"
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหนึ่งวัน หลังจากรัฐสภาลาวมีมติให้ลดภาษีสรรพสามิตเชื้อเพลิง เพื่อป้องกันวิกฤตพลังงานในประเทศ โดยมาตรการดังกล่าวได้ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลจาก 21% ลงสู่ 11% ขณะที่ภาษีน้ำมันเบนซินจะปรับลดลงจาก 31% มาอยู่ที่ 16%
นอกจากนี้ รัฐบาลลาวยังเรียกร้องให้ประชาชนร่วมมือกันลดใช้น้ำมัน ด้วยการหันมาใช้ระบบขนส่งมวลชน ใช้รถร่วมกันหรือคาร์พูล รวมถึงเดินทางให้น้อยลง