นางเจนนิเฟอร์ แกรนโฮล์ม รัฐมนตรีพลังงานสหรัฐ กล่าวว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ในการใช้มาตรการจำกัดการส่งออกน้ำมัน เพื่อควบคุมราคาพลังงานที่พุ่งขึ้นในประเทศ
ก่อนหน้านี้ สหรัฐประกาศระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) แต่ราคาน้ำมันยังคงดีดตัวขึ้น ส่งผลให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้น และกระทบต่อคะแนนนิยมของปธน.ไบเดน
ต่อข้อถามที่ว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาจำกัดการส่งออกน้ำมันเพื่อสกัดราคาเชื้อเพลิงในประเทศหรือไม่ นางแกรนโฮล์มกล่าวว่า "ดิฉันขอยืนยันว่าท่านประธานาธิบดีจะไม่ตัดทางเลือกใดๆในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว"
ทั้งนี้ คะแนนนิยมของปธน.ไบเดนตกต่ำเป็นประวัติการณ์ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพ.ย. ท่ามกลางความไม่พอใจของชาวอเมริกันต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) หดตัว 1.4% ในไตรมาส 1/65 สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่ามีการขยายตัว 1.1%
ปธน.ไบเดนกำลังหาทางสกัดภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 40 ปี หลังการทะยานขึ้นของราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งมีสาเหตุจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานจากการทำสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน
ล่าสุด ปธน.ไบเดนส่งสัญญาณวานนี้ในการยุติการทำสงครามการค้ากับจีน เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งในการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อในสหรัฐ
ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนจะหารือกับนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เกี่ยวกับการปรับลดภาษีสินค้านำเข้าจากจีน หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการเดินทางเยือนญี่ปุ่น และกลับสู่สหรัฐ
ก่อนหน้านี้ นางเยลเลนได้แสดงความเห็นชอบที่จะให้มีการปรับลดอัตราภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน เนื่องจากมาตรการดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและภาคธุรกิจสหรัฐ
สถาบันปีเตอร์สันคาดการณ์ว่าการปรับลดอัตราภาษีต่อสินค้าจีนจะช่วยให้ชาวสหรัฐประหยัดเงินได้ราว 800 ดอลลาร์สำหรับแต่ละครัวเรือน
ด้านนายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ปธน.ไบเดนอาจทำการเจรจากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
คำสั่งของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 3.50 แสนล้านดอลลาร์จะหมดอายุลงโดยอัตโนมัติในวันที่ 6 ก.ค.นี้ ขณะที่มีการคาดการณ์กันว่ารัฐบาลของปธน.ไบเดนจะไม่ขยายระยะเวลาการบังคับใช้คำสั่งดังกล่าว ท่ามกลางเงินเฟ้อที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในสหรัฐ
ปธน.ไบเดนกล่าวว่า ทำเนียบขาวกำลังทบทวนมาตรการเก็บภาษีนำเข้าที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เคยบังคับใช้ และมีแนวโน้มที่จะยกเลิกทั้งหมด เนื่องจากการกำหนดภาษีนำเข้าดังกล่าวได้ส่งผลให้ราคาสินค้าทุกประเภทในสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น ตั้งแต่ผ้าอ้อมเด็กไปจนถึงเสื้อผ้าและเฟอร์นิเจอร์
นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าการยกเลิกมาตรการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนจะช่วยบรรเทาปัญหาเงินเฟ้อในสหรัฐ โดยการผ่อนปรนหรือการยกเลิกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าทั้งหมด อาจเป็นหนึ่งในทางเลือกเพียงไม่กี่ทางที่ทำเนียบขาวจำเป็นจะต้องทำเพื่อฉุดต้นทุนสินค้าทุกประเภทให้ลดลง หลังจากที่เงินเฟ้อพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี