บริษัทปิโตรเอกวาดอร์ (Petroecuador) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลเอกวาดอร์ประกาศภาวะสุดวิสัย (force majeure) ด้านการส่งออกน้ำมันดิบ เนื่องจากเหตุการณ์ประท้วงรุนแรงทั่วประเทศได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมัน
ทั้งนี้ ภาวะสุดวิสัยเป็นส่วนหนึ่งที่ระบุในสัญญาซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อช่วยให้คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นอิสระจากข้อบังคับทางกฎหมาย เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาทิ ข้อพิพาทด้านแรงงาน การก่อการร้าย และภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ปิโตรเอกวาดอร์ระบุว่า ทางบริษัทจะแจ้งให้คู่สัญญารับทราบว่าเมื่อใดจึงจะสามารถกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ และจะปรับกำหนดการด้านการขนส่งทันทีที่ภาวะสุดวิสัยจบสิ้นลง
หน่วยงานด้านบริหารจัดการการค้าระหว่างประเทศของปิโตรเอกวาดอร์เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะระงับการขนส่งน้ำมันดิบ 5.7 ล้านบาร์เรลในช่วงต้นเดือนก.ค.นี้ จากเดิมที่เคยกำหนดว่าจะจัดส่งให้กับคู่สัญญาในช่วงเวลาดังกล่าว
เหตุการณ์ประท้วงที่ยืดเยื้อเป็นเวลานานกว่า 2 สัปดาห์ได้ส่งผลให้การผลิตน้ำมันในเอกวาดอร์ลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล โดยบริษัทปิโตรเอกวาดอร์ได้รับผลกระทบหนักที่สุด
ประธานาธิบดีกิลเลอโม แลสโซ ผู้นำเอกวาดอร์ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 30 วัน ครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอาซัว, อิมบาบูรา, ซูกุมบิโอส และโอเรลลานา เนื่องจากการประท้วงที่รุนแรงขึ้น
"การประกาศภาวะฉุกเฉินในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเหตุความรุนแรง ซึ่งส่งผลกระทบต่อระเบียบของสังคม มีการทำลายพื้นที่และทรัพย์สินต่าง ๆ คุกคามความปลอดภัยของประชาชน รวมถึงส่งผลกระทบต่ออุปทานด้านการแพทย์และอาหารหยุดชะงักลง" ปธน.แลสโซประกาศในกฤษฎีกาซึ่งออกโดยสำนักเลขาธิการฝ่ายการสื่อสาร ประจำทำเนียบประธานาธิบดี
สำนักงานตำรวจแห่งชาติของเอกวาดอร์รายงานว่า นับจนถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุประท้วงแล้ว 6 ราย และถูกจับกุมอีก 150 รายโทษฐานก่อความรุนแรง นอกจากนี้ ยังมีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 228 นายจากการปะทะกับผู้ชุมนุม รถตำรวจ 11 คัน และสถานีตำรวจ 11 แห่งถูกทำลาย