สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดว่า อุปสงค์ก๊าซธรรมชาติทั่วโลกจะอ่อนแอในช่วง 3 ปีข้างหน้า ขณะที่ราคาก๊าซซึ่งดีดตัวสูงขึ้นและการที่รัสเซียขู่จะปรับลดการส่งก๊าซส่งผลให้การบริโภคลดลงในปัจจุบัน
รายงานแนวโน้มตลาดประจำไตรมาสของ IEA คาดว่า การใช้ก๊าซจะปรับตัวลดลง 0.5% ในปีนี้ เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลงในเอเชีย และอุปสงค์ก๊าซในยุโรปที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งบดบังตลาดในอเมริกาเหนือที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ส่วนแนวโน้มการเติบโตของอุปสงค์ก๊าซทั่วโลกจนถึงปี 2567 คาดว่าจะหดตัวลง 60% เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ของ IEA ก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ IEA ระบุในรายงานว่า "ราคาก๊าซที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในขณะนี้ และการหยุดชะงักของอุปทานกำลังทำลายความเชื่อมั่นของก๊าซธรรมชาติในฐานะแหล่งพลังงานที่มั่นคงและมีราคาที่เหมาะสม"
รายงานระบุอีกด้วยว่า การปรับลดคาดการณ์การเติบโตในอนาคตนั้น ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง และแนวโน้มการเปลี่ยนมาใช้ก๊าซ แทนการใช้ถ่านหินหรือน้ำมันนั้นลดลงเช่นกัน"
นอกจากนี้ IEA ยังกล่าวอีกว่า จากแนวโน้มภาพรวมที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่า วิกฤตอุปทานในยุโรปนั้นได้ส่งผลกระทบต่อตลาดอื่น ๆ รุนแรงเพียงใด และด้วยความรีบเร่งของยุโรปที่ต้องการแทนที่เชื้อเพลิงจากรัสเซียด้วยพลังงานทางเลือกอื่น ๆ เช่น ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ได้นำพาให้ตลาดโลก"ตึงตัวเป็นพิเศษ"
ตอนนี้การส่งก๊าซผ่านท่อส่งของรัสเซียไปยังยุโรปคาดว่าจะลดลง 40% ในปี 2565 ขณะที่การนำเข้า LNG เพิ่มสูงขึ้นเพื่อชดเชยการขาดแคลนบางส่วน ขณะที่อุปสงค์เชื้อเพลิงในยุโรปคาดว่าจะลดลงประมาณ 9% ในปีนี้ และอาจลดต่ำกว่าระดับเมื่อปี 2563
ส่วนฝั่งเอเชียนั้น การเติบโตของอุปสงค์ชะลอตัวโดยมีสาเหตุหลักมาจากการล็อกดาวน์ในจีนเมื่อต้นปีนี้