สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (6 ก.ค.) ว่า สหรัฐกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเครือข่ายบริษัทในจีน บริษัทในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และบริษัทอื่น ๆ ที่ถูกกล่าวหาว่าช่วยส่งมอบและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีของอิหร่านไปยังชาติเอเชียตะวันออก โดยเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่ออิหร่านขณะที่พยายามรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านปี 2558
กระทรวงการคลังสหรัฐแถลงว่า เครือข่ายบุคคลและบริษัทดังกล่าวได้ใช้บริษัทเปลือก (shell company) จำนวนมากที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย เพื่ออำนวยความสะดวกในการส่งมอบและจำหน่ายปิโตรเคมีภัณฑ์มูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์จากบริษัทอิหร่านไปยังจีนและประเทศอื่น ๆ ในแถบเอเชียตะวันออก
อนึ่ง รัฐบาลสหรัฐเล็งเป้าไปที่บริษัทจีนมากขึ้นเรื่อย ๆ เกี่ยวกับการส่งออกปิโตรเคมีภัณฑ์ของอิหร่าน ขณะที่แนวโน้มในการรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์ได้ริบหรี่ลง
ภายใต้ข้อตกลงนิวเคลียร์ดังกล่าว อิหร่านจะต้องกำหนดข้อจำกัดในโครงการนิวเคลียร์ของตนเพื่อสกัดกั้นการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อแลกกับการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐ, สหภาพยุโรป (EU) และสหประชาชาติ (UN)
ก่อนหน้านี้ การเจรจาทางอ้อมระหว่างอิหร่านกับสหรัฐเกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในกรุงโดฮาได้สิ้นสุดลงเมื่อวันพุธที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากไม่สามารถบรรลุความคืบหน้าที่สำคัญได้
"ขณะที่สหรัฐมุ่งมั่นที่จะบรรลุข้อตกลงกับอิหร่านเพื่อหวังให้อิหร่านกลับไปปฏิบัติตาม (ข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558) อีกครั้ง เราจะยังคงใช้อำนาจทั้งหมดที่มีเพื่อบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรกรณีการจำหน่ายปิโตรเลียมและปิโตรเคมีภัณฑ์ของอิหร่าน" นายไบรอัน เนลสัน ปลัดกระทรวงการคลังฝ่ายข่าวกรองด้านการก่อการร้ายและการเงินกล่าว
ทั้งนี้ หนึ่งในบริษัทที่ถูกกระทรวงการคลังสหรัฐคว่ำบาตร คือ บริษัทแจมปิโตรเคมีคอลในอิหร่าน ซึ่งถูกกล่าวหาว่าได้ส่งออกปิโตรเคมีภัณฑ์ไปยังบริษัทต่าง ๆ ทั่วเอเชียตะวันออก ซึ่งในหลายกรณีพบว่ามีการจำหน่ายให้กับบริษัทที่ถูกสหรัฐคว่ำบาตรสำหรับการขนส่งไปยังจีน