บริษัทก๊าซพรอม พีเจเอสซี ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ของรัสเซีย ประกาศภาวะสุดวิสัย (Force Majeure) ในการจัดส่งน้ำมันให้กับผู้ซื้อก๊าซธรรมชาติหลายรายในยุโรป ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจะเป็นการส่งสัญญาณว่า รัสเซียมีเจตนาที่จะควบคุมการจัดส่งก๊าซให้กับยุโรป ซึ่งจะทำให้รัสเซียสามารถควบคุมพลังงานในภูมิภาคแห่งนี้
ทั้งนี้ ภาวะสุดวิสัยเป็นส่วนหนึ่งที่ระบุในสัญญาซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อช่วยให้คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นอิสระจากข้อบังคับทางกฎหมาย เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาทิ ข้อพิพาทด้านแรงงาน การก่อการร้าย และภัยพิบัติทางธรรมชาติ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ก๊าซพรอมไม่ได้กำหนดวันสิ้นสุดภาวะสุดวิสัย โดยในเดือนที่แล้ว บริษัทได้จัดส่งก๊าซให้กับลูกค้าในปริมาณน้อยกว่าที่ระบุในคำสั่งซื้อ ซึ่งก๊าซพร้อมอ้างถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับกังหันซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญในท่อส่งหลักที่ลำเลียงก๊าซไปยังยุโรปผ่านทางยูเครน นอกจากนี้ ปริมาณการจัดส่งก๊าซยังปรับตัวลงเนื่องจาก 1 ใน 2 ของท่อส่งก๊าซในพื้นที่ชายแดนที่ติดกับรัสเซีย ได้ถูกปิดลงเนื่องจากสงคราม
นายเทรเวอร์ ซีคอร์สกี หัวหน้าฝ่ายธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ถ่านหินและคาร์บอนจากบริษัทเอเนอร์จี แอสเปคส์กล่าวว่า "ความเคลื่อนไหวอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า การชะลอการจัดส่งก๊าซจากรัสเซียไปยังยุโรปนั้นอาจเกิดขึ้นนานกว่าช่วงเวลาปิดซ่อมบำรุงตามกำหนดการ"
สำหรับบริษัทที่ได้รับการแจ้งภาวะสุดวิสัยจากก๊าซพรอมนั้นได้แก่บริษัทยูนิเปอร์ และบริษัทอาร์ดับเบิลยูอี ซึ่งเป็นสองบริษัทสาธารณูปโภคด้านพลังงานของเยอรมนี
ยุโรปกำลังเผชิญกับวิกฤตพลังงานในขณะนี้ โดยนอกเหนือจากประเด็นของก๊าซพรอมแล้ว ตลาดกำลังจับตาว่ารัสเซียจะกลับมาส่งก๊าซธรรมชาติผ่านทางท่อส่ง Nord Stream 1 หลังวันที่ 21 ก.ค.หรือไม่ หลังจากบริษัท Nord Stream AG ประกาศปิดท่อส่ง Nord Stream 1 ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. เพื่อทำการซ่อมบำรุงจนถึงวันที่ 21 ก.ค. โดย Nord Stream 1 เป็นท่อส่งก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียมายังเยอรมนีผ่านทางทะเลบอลติก
นายเคล้าส์ มูลเลอร์ ผู้อำนวยการ Bundesnetzagentur ซึ่งเป็นหน่วยงานควบคุมพลังงานของเยอรมนีเชื่อว่า รัสเซียจะยังคงระงับการส่งก๊าซธรรมชาติไปยังยุโรป แม้ Nord Stream 1 เสร็จสิ้นการซ่อมบำรุงในวันที่ 21 ก.ค.แล้วก็ตาม