นักวิเคราะห์และเทรดเดอร์คาดว่า การส่งออกผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงของจีนจะฟื้นตัวในเดือนส.ค. สู่ใกล้ระดับสูงสุดในปีนี้ หลังจีนเพิ่มโควตาในเดือนมิ.ย.และก.ค. แต่การเน้นรักษาอุปทานเชื้อเพลิงสำหรับใช้งานภายในประเทศจะทำให้จีนมีการส่งออกเชื้อเพลิงของทั้งปีต่ำสุดในรอบ 7 ปี
ข้อมูลคาดการณ์จากรีฟินิทีฟ (Refinitiv) และเจแอลซี (JLC) บริษัทที่ปรึกษาสินค้าโภคภัณฑ์จีนบ่งชี้ว่า จีนจะส่งออกน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นมากที่สุดในเดือนส.ค. โดยทะลุระดับ 1 ล้านตันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2564 เนื่องจากกลุ่มโรงกลั่นของรัฐจะเคลียร์สต็อกเชื้อเพลิงส่วนเกิน เพราะมาตรการล็อกดาวน์สกัดโควิด-19 ของจีนทำให้การอุปโภคเชื้อเพลิงหยุดชะงัก
ขณะที่ การส่งออกน้ำมันเบนซิน, ดีเซล และน้ำมันเครื่องบินมีแนวโน้มรวมกันอยู่ที่ 2.4-2.6 ล้านตันในเดือนส.ค. ซึ่งใกล้ระดับสูงสุดของปีนี้
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การส่งออกเชื้อเพลิงจากจีนที่ฟื้นตัวขึ้นนี้ช่วยให้ราคาเชื้อเพลิงในตลาดโลกลดลง ซึ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนพ.ค.และมิ.ย. เนื่องจากการคว่ำบาตรรัสเซียโทษฐานก่อสงครามในยูเครนของบรรดาชาติตะวันตก ทำให้ตลาดพลังงานโลกตึงตัว
อย่างไรก็ตาม การส่งออกเชื้อเพลิงของจีนมีแนวโน้มคงที่ตลอดช่วงที่เหลือของปีนี้ เนื่องจากจีนให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศมากกว่า เพราะต้องการควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่เกิดจากราคาเชื้อเพลิงภายในประเทศ ทำให้การส่งออกน้ำมันดีเซล, น้ำมันเบนซิน และน้ำมันเครื่องบินสำหรับปีนี้มีแนวโน้มลดลงถึง 40% จากปี 2564
นักวิเคราะห์กล่าวว่า เมื่อจีนส่งออกเชื้อเพลิงลดลง ประเทศผู้นำเข้าเชื้อเพลิงจะต้องหันไปพึ่งพาเกาหลีใต้, อินเดีย และตะวันออกกลางแทน
"การที่จีนยังคงมุ่งเน้นไปยังการลดการส่งออกเชื้อเพลิงนั้นถือเป็นโอกาสสำหรับประเทศผู้กลั่นน้ำมันส่งออกที่เหลือในภูมิภาคเอเชียและตะวันออกกลาง ในการจัดหาเชื้อเพลิงทดแทนให้กับยุโรปและสหรัฐ" นายมูเกช ซาดาฟ หัวหน้าฝ่ายธุรกิจปลายน้ำและการซื้อขายน้ำมันจากบริษัทไรสแตด เอเนอร์จี กล่าว
อนึ่ง จีนเป็นประเทศผู้ผลิตเชื้อเพลิงที่กลั่นรายใหญ่เป็นอันดับสองของโลก และเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันเบนซินรายใหญ่ที่สุดของเอเชียและซัพพลายเออร์น้ำมันดีเซลรายสำคัญ