ไชน่า ปิโตรเลียม แอนด์ เคมิคอล คอร์ป หรือซิโนเปก คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทกลั่นน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของจีนเปิดเผยในวันนี้ (29 ส.ค.) ว่า ผลผลิตน้ำมันกลั่นในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 มีแนวโน้มทรงตัว เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เนื่องจากปริมาณการแปรรูปรายปีสำหรับปี 2565 ลดลง 6% เมื่อเทียบกับปี 2564 หลังการบังคับใช้มาตรการสกัดโควิด-19 ของจีนกระทบอุปสงค์เชื้อเพลิงในประเทศ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานถ้อยแถลงของผู้บริหารซิโนเปกว่า บริษัทวางแผนกลั่นน้ำมันดิบ 240 ล้านตัน (4.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน) สำหรับตลอดทั้งปี 2565 ซึ่งหมายความว่าปริมาณการกลั่นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะทรงตัว เมื่อเทียบกับ 120.76 ล้านตันในช่วงเดือนม.ค. - มิ.ย.
"เราคาดการณ์ว่าอุปสงค์เชื้อเพลิงของจีนจะกระเตื้องขึ้นพอสมควรในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ด้วยนโยบายส่งเสริมจากรัฐบาล และการฟื้นตัวของยอดสั่งซื้อในตลาดเชื้อเพลิง" นายหลิง อี้ฉวิน รองประธานซิโนเปกกล่าว แต่ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ที่เฉพาะเจาะจง
นางโซว ตงหัว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินระบุว่า ซิโนเปกสามารถทำกำไรจากสต็อกน้ำมันได้ถึง 4 หมื่นล้านหยวน (5.78 พันล้านดอลลาร์) ในครึ่งแรกของปีนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันพุ่งทะยานขึ้นท่ามกลางวิกฤตการณ์ในยูเครน โดยกำไรจากสต็อกน้ำมันประกอบด้วย 2.93 หมื่นล้านหยวนจากน้ำมันดิบ และ 1.07 หมื่นล้านหยวนจากผลิตภัณฑ์กลั่น