นายฟาตีห์ ไบรอล ผู้อำนวยการบริหารของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ออกมาเตือนว่า กลุ่มประเทศเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาเป็นกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น
นายไบรอลให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีในวันอังคาร (25 ต.ค.) ว่า "สหรัฐไม่ใช่ประเทศที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากราคาพลังงานที่ระดับสูง แต่เป็นกลุ่มประเทศที่นำเข้าน้ำมันในแอฟริกา เอเชีย และลาตินอเมริกา เพราะราคานำเข้าสูงขึ้นและสกุลเงินอ่อนค่าลง"
ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจสำหรับกลุ่มประเทศที่นำเข้าน้ำมัน โดยคาดว่า ราคาพลังงานที่สูงขึ้นจะเพิ่มแรงกดดันให้กับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่ประเทศเหล่านี้กำลังเผชิญอยู่
IMF ระบุว่า "ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้นจะไปซ้ำเติมปัญหาที่เกิดจากเงินเฟ้อและหนี้ที่สูงขึ้น รวมถึงสภาวะการเงินโลกที่ตึงตัว ความคืบหน้าที่ไม่ต่อเนื่องในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และความเปราะบางและขัดแย้งในบางประเทศ"
ส่วนทางฝั่งยุโรปก็กำลังประสบปัญหาการขาดแคลนก๊าซเนื่องจากรัสเซียปรับลดการส่งก๊าซ ซึ่งทำให้หลายประเทศเผชิญกับวิกฤตพลังงานก่อนเข้าสู่ฤดูหนาวปีนี้
"เราอยู่ท่ามกลางวิกฤตพลังงานโลกอย่างแท้จริงเป็นครั้งแรก โลกของเราไม่เคยเผชิญวิกฤตพลังงานที่รุนแรงและซับซ้อนเช่นนี้มาก่อน" นายไบรอลกล่าว พร้อมเสริมว่า ตลาดน้ำมันจะยังคงผันผวนต่อไปตราบเท่าที่สงครามรัสเซีย-ยูเครนยังดำเนินอยู่