สำนักงานศุลกากร (GAC) ของจีนเปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (7 พ.ย.) ว่า ยอดการนำเข้าน้ำมันดิบของจีนในเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.และเป็นการขยายตัวเทียบรายปีเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน เนื่องจากโรงกลั่นใหม่ 2 แห่งเตรียมเปิดดำเนินการ
จีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลกนั้น ได้นำเข้าน้ำมันดิบ 43.14 ล้านตันในเดือนต.ค. หรือประมาณ 10.16 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากการนำเข้าน้ำมันดิบ 9.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนก.ย.
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ตัวเลขเดือนต.ค.ที่กระเตื้องขึ้นนี้มีสาเหตุมาจากการที่บริษัทปิโตรไชน่าเริ่มทดลองการผลิตน้ำมันดิบที่ระดับ 200,000 บาร์เรลต่อวัน ณ โรงกลั่นแห่งใหม่ของบริษัทฯ ในมณฑลกวางตุ้ง ขณะเดียวกัน บริษัทเอกชน เซิ่งหง ปิโตรเคมิคัล ก็เตรียมเปิดโรงกลั่นที่มีกำลังการผลิต 320,000 บาร์เรลต่อวันอย่างเป็นทางการในมณฑลเจียงซู
นอกจากนี้ ธุรกิจโรงกลั่นต่าง ๆ ยังใช้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบโลกที่ร่วงลงเพื่อเติมสต็อก โดยนำเข้าน้ำมันดิบผ่านการขนส่งทางเรือจากทวีปอเมริกาและตะวันออกกลาง
ส่วนยอดนำเข้าก๊าซธรรมชาติในเดือนต.ค.ผ่านทางท่อส่งและในรูปของก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) แตะ 7.61 ล้านตัน ซึ่งเป็นการร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี หลังจากที่ยอดนำเข้าเดือนก.ย.พุ่งขึ้นเพื่อการสะสมพลังงานสำหรับการทำความร้อนในฤดูหนาว
แม้คาดว่าความต้องการพลังงานในหน้าหนาวจะมีอัตราการขยายตัวลดลง แต่ทางบริษัทพลังงานระดับชาติของจีนก็ให้ความสำคัญกับการผลิตในประเทศและเพิ่มการนำเข้าก๊าซธรรมชาติผ่านทางท่อส่งจากรัสเซียและเอเชียกลาง