นายฟิลิเป นิวซี ประธานาธิบดีของโมซัมบิกแถลงในวันนี้ (13 พ.ย.) ว่า โมซัมบิกเริ่มการส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เป็นครั้งแรก ซึ่งอาจช่วยบรรเทาวิกฤตพลังงานของยุโรปในขณะที่รัสเซียยุติการจัดส่งพลังงาน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เรือบริติชสปอนเซอร์เดินทางมาถึงน่านน้ำทางเหนือของโมซัมบิกเมื่อวันที่ 16 ต.ค. ซึ่งเป็นระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์หลังจากที่เรือคอรัล-ซูลโฟลตติงแอลเอ็นจี (Coral-Sul Floating LNG) ของบริษัทเอนีเริ่มผลิตก๊าซ LNG ส่วนเรือบรรทุกน้ำมันของบริษัทบีพี ซึ่งมีสิทธิ์ซื้อผลผลิตทั้งหมดของคอรัล-ซูลนั้น จอดเรือครั้งแรกอยู่ที่แท่นผลิตเมื่อวันที่ 23 ต.ค.
แท่นผลิตดังกล่าวมีกำลังการผลิต LNG 3.4 ล้านตันต่อปี ซึ่งเท่ากับประมาณ 1 ใน 3 ของปริมาณนำเข้า LNG ของสหราชอาณาจักรในปีที่แล้ว โดยหน่วยงานกำกับดูแลด้านน้ำมันและก๊าซของโมซัมบิกกล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า LNG คาร์โกแรกจะถูกส่งไปยังยุโรป
สำหรับหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกอย่างโมซัมบิก การส่งออกครั้งนี้ถือเป็นจุดสิ้นสุดของการรอคอยมานานนับทศวรรษที่จะได้สร้างรายได้จากแหล่งก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในแอฟริกา โดยครั้งหนึ่งเคยเป็นที่คาดการณ์ว่าจะดึงดูดการลงทุนได้ถึง 1.2 แสนล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะใช้พลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศได้
โรงผลิตก๊าซบนฝั่งมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์แต่ละแห่งที่บริษัทโททาลเอนเนอร์ยี่ส์และเอ็กซอนโมบิลวางแปลนไว้มีมูลค่ามากกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของโมซัมบิก อย่างไรก็ดี ทั้งสองแห่งต้องหยุดการดำเนินงานชั่วคราวเพราะเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศ
อนึ่ง สงครามที่เริ่มต้นในปี 2560 ไต่ระดับความรุนแรงถึงจุดสูงสุดในเดือนมี.ค.ปีที่แล้ว เมื่อฝ่ายกบฏบุกโจมตีเมืองแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ถัดจากสถานที่พัฒนา LNG ส่งผลให้โททาลเอนเนอร์ยี่ส์ย้ายพนักงานออกทั้งหมด ตั้งแต่นั้นมา ความช่วยเหลือทางทหารจากรวันดาและกลุ่มประเทศในภูมิภาคได้ขับไล่ผู้ก่อความไม่สงบออกจากเมืองสำคัญและฐานที่มั่นในป่า
ทั้งนี้ นายแม็กซ์ โทเนลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของโมซัมบิกมองว่า โททาลเอนเนอร์ยี่ส์จะตัดสินใจกลับมาดำเนินงานต่อภายในเดือนมี.ค.ปีหน้า ขณะที่ทางโททาลเอนเนอร์ยี่ส์ ซึ่งตั้งเป้าที่จะผลิต LNG ให้ได้ 13.1 ล้านตันต่อปี กล่าวเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมาว่า แม้จะมีความคืบหน้าในการฟื้นฟูความมั่นคงแล้ว แต่รัฐบาลก็ยังมีงานที่ต้องทำต่อไปอีกมาก