สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า กฎด้านการประกันภัยใหม่ของตุรกีทำให้การสัญจรของเรือบรรทุกน้ำมันดิบของรัสเซียผ่านทางตุรกีเป็นไปอย่างล่าช้า รวมถึงเรือบรรทุกน้ำมันจากท่าเรือของรัสเซียในทะเลดำไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้วย
ข้อมูลจากมารีนทราฟฟิก (MarineTraffic) บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลการเดินเรือเปิดเผยว่า เรือบรรทุกน้ำมัน 16 ลำที่ไม่ใช่เรือสัญชาติรัสเซีย ได้จอดเทียบท่าเพื่อรอการออกเอกสารประกันภัยการเดินเรือ โดยคาดว่าปริมาณเรือที่รอคิวดังกล่าวจะเพิ่มสูงขึ้น
มารีนทราฟฟิกเปิดเผยว่า มีเรือบรรทุกน้ำมัน 35 ลำซึ่งในจำนวนนี้เป็นเรือสัญชาติรัสเซีย 9 ลำ ออกเดินทางจากรัสเซียในวันที่ 5 ธ.ค.ซึ่งเป็นวันแรกที่กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (EU) ห้ามการนำเข้าน้ำมันดิบรัสเซีย และกลุ่มประเทศ G7 บังคับใช้เพดานราคาน้ำมันรัสเซียที่ขนส่งผ่านทางเรือ โดยเรือส่วนใหญ่บรรทุกน้ำมันเต็มความจุและทุกลำมุ่งหน้าสู่ช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus) ในนครอิสตันบูลของตุรกี
ทั้งนี้ น้ำมันดิบส่วนใหญ่จะถูกส่งไปยังตุรกี ตามด้วยกรีซ อิตาลี และอินเดีย นอกจากนี้แล้ว มารีนทราฟฟิกยังพบว่า มีเรือบรรทุกน้ำมันที่มุ่งหน้าไปยังรัสเซียด้วยเช่นกัน
ด้านเวสเซลแวลู (VesselsValue) บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลการเดินเรืออีกรายเปิดเผยกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า ระยะเวลารอโดยเฉลี่ยของเรือบรรทุกน้ำมันที่เดินทางผ่านช่องแคบบอสฟอรัสนั้น เพิ่มขึ้น 47% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้วซึ่งมีเรือจอดเทียบท่าอยู่ 14 ลำและมีระยะเวลารอโดยเฉลี่ย 64 ชั่วโมง ขณะที่มีความจุรวมกันราว 1.46 ล้านตัน
นายเกรแฮม โคลส นักวิเคราะห์อาวุโสของเวสเซลแวลูกล่าวว่า "เราคาดว่า ยิ่งระยะเวลาการคว่ำบาตรและบังคับใช้เพดานน้ำมันรัสเซียนานเท่าใด ก็คาดว่าจำนวนเรือบรรทุกน้ำมันที่คับคั่งอยู่ทางเหนือและทางใต้ของช่องแคบบอสฟอรัสก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น รวมถึงที่ช่องแคบดาร์ดาเนลส์ (Dardanelles) ด้วย