ทีซี เอเนอร์จี (TC Energy) ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของแคนาดาแถลงว่า ทางบริษัทยังคงซ่อมแซมรอยรั่วของท่อส่งน้ำมันคีย์สโตน (Keystone) และยังไม่สามารถระบุได้ว่าท่อน้ำมันแห่งนี้จะกลับมาเปิดดำเนินการได้เมื่อใด โดยคีย์สโตนเป็นท่อส่งน้ำมันจากรัฐแอลเบอร์ตาของแคนาดาไปยังแถบกัลฟ์โคสต์และมิดเวสต์ของสหรัฐ
เทรดเดอร์ในตลาดพลังงานกังวลว่า การซ่อมแซมรอยรั่วของท่อส่งน้ำมันคีย์สโตนอาจจะใช้เวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ หลังจากมีน้ำมันรั่วไหล 14,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ คาดว่าปัญหาดังกล่าวจะส่งผลให้สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ปรับตัวลดลงด้วย
คีย์สโตนเป็นท่อส่งน้ำมันท่อหลักจากแคนาดาทอดผ่านภูมิภาคมิดเวสต์ของสหรัฐ ได้ปิดซ่อมแซมหลังจากน้ำมันรั่วไหล 14,000 บาร์เรล ซึ่งน้ำมันดิบบางส่วนไหลลงแหล่งน้ำท้องถิ่น โดยเหตุการณ์ล่าสุดทำให้การรั่วไหลจากท่อส่งน้ำมันคีย์สโตนในดินแดนของสหรัฐเพิ่มเป็น 26,000 บาร์เรลนับตั้งแต่ปี 2553 นับเป็นการรั่วไหลของน้ำมันในปริมาณมากที่สุดในรอบ 12 ปี ตามข้อมูลเชิงสถิติจากสำนักงานบริหารความปลอดภัยในการส่งวัสดุอันตรายทางท่อ หรือ PHMASA
ส่วนวิกฤตการณ์น้ำมันรั่วไหลครั้งสำคัญอื่น ๆ นั้น รวมถึงเหตุท่อน้ำมันไฮเพลนส์ (High Plains) ของบริษัทเทโซโร (Tesoro) ซึ่งเกิดท่อแตกในปี 2556 และเหตุท่อน้ำมันไลน์ 6บี (Line 6B) ของบริษัทเอ็นบริดจ์ (Enbridge) ที่เกิดการรั่วไหลลงสู่แม่น้ำคาลามาซูเมื่อปี 2553 รวมถึงเหตุน้ำมันรั่วของบริษัทบีพี ซึ่งเกิดจากการระเบิดของแท่นขุดเจาะน้ำมันดีพวอเตอร์ ฮอไรซัน (Deepwater Horizon) ส่งผลให้น้ำมันดิบหลายล้านบาร์เรลรั่วไหลลงสู่อ่าวเม็กซิโก
สำนักงาน PHMASA เปิดเผยว่า เบื้องต้น ทีซี เอเนอร์จี ยังไม่มีแผนการเปิดใช้งานท่อส่งน้ำมันคีย์สโตน ซึ่งสามารถส่งน้ำมันได้ 600,000 บาร์เรลต่อวัน ด้านนายแรนดี ฮับบาร์ด เจ้าหน้าที่ประสานงานการจัดการเหตุฉุกเฉิน กล่าวว่า ทีซี เอเนอร์จี อยู่ในระหว่างทำการขุดบริเวณที่เกิดการรั่วไหลเพื่อสำรวจความเสียหายของแนวท่อ ขณะที่ทางบริษัทชี้แจงว่า ตอนนี้สามารถเก็บกู้น้ำมันดิบ 2,598 บาร์เรลจากหนองน้ำและแหล่งน้ำที่ได้รับผลกระทบ และได้ติดตั้งแนวทุ่นป้องกันการรั่วไหล เพื่อไม่ให้น้ำมันกระจายตัวไปตามน้ำแล้ว