สำนักงานพลังงานสากล (IEA) รายงานวันนี้ (16 ธ.ค.) ว่า การบริโภคถ่านหินทั่วโลกมีแนวโน้มพุ่งสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2565 และจะยังอยู่ในระดับคล้ายคลึงกันนี้ตลอดช่วงหลายปีข้างหน้า หากไม่มีความพยายามในการเปลี่ยนแปลงไปสู่การเป็นเศรษฐกิจที่ปลอดคาร์บอนมากขึ้น
IEA ระบุว่า ราคาก๊าซที่พุ่งสูงขึ้นจากการรุกรานยูเครนของรัสเซียและปัญหาติดขัดด้านอุปทาน ทำให้บางประเทศหันมาใช้ถ่านหินที่มีราคาถูกกว่าในปีนี้
ขณะเดียวกัน คลื่นความร้อนและภัยแล้งในหลายภูมิภาคก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันให้อุปสงค์พลังงานไฟฟ้าพุ่งสูงขึ้น และทำให้การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานน้ำลดลง ในขณะที่การผลิตพลังงานนิวเคลียร์อ่อนแอลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป ซึ่งฝรั่งเศสได้ยุติการทำงานของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ชั่วคราวเพื่อการบำรุงรักษา
รายงานคาดการณ์การใช้งานถ่านหินทั่วโลกประจำปีของ IEA ระบุว่า ปริมาณการใช้งานถ่านหินอาจสูงขึ้น 1.2% ในปีนี้ ซึ่งทะลุระดับ 8 พันล้านตันในช่วงเวลาเพียงปีเดียวเป็นครั้งแรก และทุบสถิติเดิมที่เคยทำไว้เมื่อปี 2556
รายงานของ IEA ยังคาดการณ์อีกว่า การบริโภคถ่านหินจะทรงตัวอยู่ที่ระดับดังกล่าวจนถึงปี 2568 เนื่องจากการลดลงในตลาดที่อิ่มตัวแล้วจะถูกชดเชยด้วยอุปสงค์ที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชีย
ทั้งนี้ อินเดียมีแนวโน้มที่จะเป็นประเทศที่มีความต้องการถ่านหินเพิ่มขึ้นมากที่สุดที่ 7% ตามมาด้วยสหภาพยุโรป (EU) ที่ 6% และจีนที่ 0.4%