กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ประกาศปรับลดการผลิตน้ำมันลงอีก 1.16 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับตลาด ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าการตัดสินใจดังกล่าวของโอเปกพลัสจะส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง และอาจสร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลสหรัฐที่ต้องการให้โอเปกพลัสเพิ่มการผลิตน้ำมัน
ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่า โอเปกพลัสจะคงนโยบายการผลิตน้ำมันด้วยการปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรล/วันไปจนถึงสิ้นปี 2566
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การตัดสินใจครั้งล่าสุดนี้ ส่งผลให้ปริมาณการปรับลดการผลิตน้ำมันโดยรวมของโอเปกพลัสอยู่ที่ 3.66 ล้านบาร์เรล/วัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 3.7% ของความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก โดยแถลงการณ์ของกลุ่มโอเปกพลัสระบุว่า การปรับลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจครั้งนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนพ.ค.ไปจนถึงสิ้นปี 2566
การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นในวันอาทิตย์ (2 เม.ย.) ซึ่งเกิดขึ้นเพียงวันเดียวก่อนที่การประชุมทางไกลของคณะกรรมการร่วมด้านการตรวจสอบระดับรัฐมนตรี (JMMC) ของกลุ่มโอเปกพลัสจะเปิดฉากขึ้นในวันนี้ (3 เม.ย.)
นักวิเคราะห์จากบริษัท Pickering Energy Partners คาดการณ์ว่า การที่โอเปกพลัสปรับลดการผลิตน้ำมันอย่างเหนือความคาดหมายนี้ อาจจะส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นรุนแรงถึง 10 ดอลลาร์/บาร์เรล
นอกจากนี้ คาดว่าการตัดสินใจดังกล่าวของโอเปกพลัสจะสร้างความไม่พอใจให้กับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ เนื่องจากปธน.ไบเดนกังวลว่าการลดผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัสจะทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกแพงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐพุ่งขึ้นอีก