สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เปิดเผยว่า การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกมีแนวโน้มจะชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดภายในปี 2571 เนื่องจากราคาที่พุ่งสูงและความกังวลเรื่องความมั่นคงของอุปทานน้ำมัน ซึ่งจะเร่งให้เกิดการหันไปพึ่งพาเทคโนโลยีพลังงานสะอาดมากขึ้น
ในรายงานตลาดระยะกลาง "Oil 2023" นั้น IEA ระบุว่า อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะปรับตัวขึ้น 6% ระหว่างปี 2565-2571 แตะที่ระดับ 105.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน (mb/d) โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากภาคปิโตรเคมีและภาคการบิน
ข้อมูลระบุว่า ภาคปิโตรเคมีจะยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการเติบโตของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลก ขณะที่ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG), อีเทน และแนฟทา คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นระหว่างปี 2565-2571
อย่างไรก็ตาม IEA ระบุว่า การขยายตัวของอุปสงค์หลังจากปี 2566 จะชะลอลงสำหรับน้ำมันเบนซิน และหลังจากปี 2569 การขยายตัวของอุปสงค์เชื้อเพลิงเพื่อการคมนาคมโดยรวมจะลดลง
นายฟาติห์ บิโรล ผู้อำนวยการบริหารของ IEA กล่าวว่า "การเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจพลังงานสะอาดเริ่มเร่งตัวขึ้น โดยที่อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกกำลังจะถึงจุดสูงสุดก่อนสิ้นทศวรรษนี้ เนื่องจากยานยนต์ไฟฟ้า ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และเทคโนโลยีอื่น ๆ ก้าวหน้าขึ้น"
IEA ระบุในรายงานว่า อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกที่กำลังชะลอตัวลง เป็นผลมาจากการหันไปพึ่งพาแหล่งพลังงานที่ปล่อยมลพิษต่ำ อันเนื่องมาจากวิกฤตพลังงานโลก เช่นเดียวกับการมุ่งเน้นนโยบายในการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และการเติบโตอย่างรวดเร็วของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV)