Euratom เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ไนเจอร์ ซึ่งเป็นประเทศในแอฟริกาตะวันตกที่ถูกทหารเข้ายึดอำนาจเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั้น เป็นซัพพลายเออร์ยูเรเนียมธรรมชาติรายใหญ่อันดับ 2 ให้กับสหภาพยุโรป (อียู) เมื่อปีที่แล้ว
Euratom ระบุว่า บริษัทสาธารณูปโภคในอียูมีปริมาณยูเรเนียมสำรองเพียงพอที่จะใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับเดินเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์เป็นเวลา 3 ปี
"หากการนำเข้าจากไนเจอร์ลดลง จะไม่มีความเสี่ยงฉุกเฉินต่อความมั่นคงของการผลิตไฟฟ้านิวเคลียร์ในระยะสั้น" Euratom กล่าว
ฝรั่งเศส ผู้ผลิตพลังงานนิวเคลียร์ชั้นนำในยุโรปและอดีตมหาอำนาจเจ้าอาณานิคมของไนเจอร์ กล่าวในวันนี้ว่า จะอพยพชาวฝรั่งเศสและชาวยุโรปออกจากไนเจอร์ หลังเกิดการรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยในประเทศไนเจอร์
คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ของอียูยังกล่าวด้วยว่า อียูมี "ยูเรเนียมคงเหลือเพียงพอที่จะลดความเสี่ยงด้านการจัดหาในระยะสั้น"
โฆษกของ EC กล่าวว่า "ระยะกลางและระยะยาว มีแหล่งแร่ยูเรเนียมเพียงพอในตลาดโลก" ที่จะครอบคลุมความต้องการใช้งานของอียู
Euratom กล่าวว่าในปี 2565 ไนเจอร์ส่งมอบยูเรเนียมธรรมชาติ 2,975 tU หรือคิดเป็น 25.4% ของซัพพลายของอียู โดยซัพพลายเออร์รายใหญ่ที่สุดสำหรับอียูคือคาซัคสถาน ตามมาด้วยแคนาดาเป็นอันดับสาม
Euratom เปิดเผยว่าปริมาณยูเรเนียมธรรมชาติเทียบเท่าในคลังที่เป็นของบริษัทด้านสาธารณูปโภคของอียูในปีที่แล้วมีจำนวนทั้งสิ้น 35,710 tU เทียบกับปริมาณการใช้เฉลี่ยต่อปีที่ประมาณ 12,500 tU
Euratom ยังกล่าวด้วยว่า อียูสามารถกระจายความเสี่ยงด้านการนำเข้าได้ภายใน 3 ปี ซึ่งรวมถึงการพิจารณาแหล่งผลิตที่ปัจจุบันไม่ได้ดำเนินการในแคนาดา, ออสเตรเลีย และนามิเบีย รวมถึงการใช้ประโยชน์จากแหล่งแร่ยูเรเนียมใหม่