การนัดหยุดงานประท้วงที่อาจเกิดขึ้นที่โรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ขนาดใหญ่ 3 แห่งของออสเตรเลีย อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกเชื้อเพลิงทั่วโลกประมาณ 10% และจะทำให้ราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้นทั่วทั้งเอเชียและยุโรป
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า พนักงานของเชฟรอน (Chevron) และวู้ดไซด์ เอเนอร์จี กรุ๊ป (Woodside Energy Group) ได้โหวตเพื่อนัดหยุดงานประท้วงที่โรงงานในนอร์ทเวสต์เชลฟ์ วีธสโตน และกอร์กอน โดยการหยุดงานบางส่วนอาจเริ่มต้นภายในสัปดาห์หน้าภายใต้กฎแรงงาน
ราคาก๊าซธรรมชาติในยุโรปพุ่งสูงขึ้นถึง 40% เมื่อวันพุธ (9 ส.ค.) ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นับตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการรุกรานยูเครนโดยรัสเซียเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งก่อให้เกิดการหยุดชะงักครั้งใหญ่ของอุปทานพลังงานทั่วโลก
นายซาอูล คาโวนิช นักวิเคราะห์ด้านพลังงานจากเครดิต สวิส กรุ๊ป (Credit Suisse Group) ในนครซิดนีย์ กล่าวว่า "สถานการณ์ดังกล่าวเป็นการเน้นย้ำว่า LNG ของออสเตรเลียมีความสำคัญต่อความมั่นคงด้านพลังงานของโลก โดยมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการหยุดชะงักในอุปทานพลังงานของออสเตรเลีย ซึ่งจะส่งผลให้ราคาพุ่งสูงขึ้น รวมถึงในยุโรปด้วย"
ด้านนางซาแมนธา ดาร์ต นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์กล่าวว่า หากการนัดหยุดงานประท้วงทำให้การส่งออกก๊าซทั้งหมดในออสเตรเลียหยุดชะงักเป็นเวลา 2 เดือน ซึ่งคล้ายคลึงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วที่ศูนย์ปฏิบัติการลอยน้ำสำหรับการผลิต LNG ในทะเลของเชลล์ (Shell) ราคาก๊าซอาจพุ่งขึ้นแตะระดับ 50 ยูโร ทั่วซีกโลกเหนือตลอดฤดูร้อน และอาจพุ่งสูงถึง 97 ยูโรในฤดูหนาว