สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บริษัทเชฟรอน คอร์ปและสหภาพแรงงานได้บรรลุข้อตกลงเพื่อยุติการหยุดงานประท้วงที่โรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในออสเตรเลียแล้ว ซึ่งการหยุดงานประท้วงดังกล่าวส่งผลกระทบต่อตลาดเชื้อเพลิงโลก
กลุ่มพันธมิตรนอกชายฝั่ง (Offshore Alliance) ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของสหภาพแรงงาน 2 กลุ่มใหญ่ยืนยันในแถลงการณ์วันนี้ (22 ก.ย.) ว่า แรงงานได้ยอมรับข้อตกลงด้านค่าแรงและสภาพการทำงานที่เสนอโดยหน่วยงานกำกับดูแลแรงงานของออสเตรเลีย และจะยุติการหยุดงานประท้วง
นายแบรด กันดี เลขาธิการฝั่งออสเตรเลียตะวันตกของสหภาพแรงงานออสเตรเลียระบุในแถลงการณ์ว่า "กลุ่มพันธมิตรนอกชายฝั่งจะทำงานร่วมกับเชฟรอนเพื่อให้ข้อตกลงสมบูรณ์ และสมาชิกของสหภาพจะยุติความเคลื่อนไหวทางอุตสาหกรรมในเร็ว ๆ นี้" โดยข้อตกลงดังกล่าวครอบคลุมถึงการปรับปรุงในประเด็นต่าง ๆ เช่น ค่าแรง ความมั่นคงในการทำงาน และตารางการทำงาน
เชฟรอนได้ออกมายืนยันเมื่อวานนี้ (21 ก.ย.) ว่า ทางบริษัทได้ยอมรับข้อเสนอข้างต้น และปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นในวันนี้เกี่ยวกับการตัดสินใจของสมาชิกสหภาพ
ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการยอมรับเงื่อนไขของหน่วยงานกำกับดูแลแรงงาน ได้ช่วยคลี่คลายข้อพิพาทที่จุดชนวนให้เกิดความเคลื่อนไหวทางอุตสาหกรรมเมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่โรงงานกอร์กอนและวีตสโตน (Gorgon and Wheatstone) ลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งโรงงานดังกล่าวมีสัดส่วนคิดเป็นราว 7% ของอุปทานก๊าซ LNG ทั่วโลกเมื่อปีที่แล้ว โดยสมาชิกสหภาพแรงงานที่โรงงานของเชฟรอนได้ยกระดับการประท้วงขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเริ่มต้นหยุดงานประท้วงเต็มเวลา 24 ชั่วโมง
นายกันดีระบุว่า แรงงานราว 350 คนได้มารวมตัวกันเมื่อวานนี้ และได้ตอบรับข้อเสนอของหน่วยงานกำกับดูแลแรงงาน ซึ่งครอบคลุมถึงการเพิ่มเบี้ยเลี้ยงสำหรับการทำงานทางไกล และความล่าช้าในการเดินทาง