FGE บริษัทให้คำปรึกษาด้านพลังงานระบุว่า อัตราการใช้กำลังการผลิตโรงกลั่นน้ำมันของจีนลดลงจากระดับในไตรมาส 3/2566 ที่สูงเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากอัตรากำไรที่ลดลงและการขาดโควตาการส่งออก ทำให้โรงกลั่นขาดแรงจูงใจในการเพิ่มกำลังการผลิตในช่วงที่เหลือของปี 2566
ผลผลิตการกลั่นที่ลดลงอาจลดความต้องการของจีนในการนำเข้าน้ำมันดิบและอาจจำกัดราคาน้ำมันทั่วโลก ซึ่งจะส่งผลให้สต๊อกน้ำมันดิบของจีนเพิ่มขึ้นและไปลดราคาน้ำมันของรัสเซียลง
อนึ่ง จีนเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลก ส่วนรัสเซียเป็นซัพพลายเออร์น้ำมันรายใหญ่ของจีน
FGE คาดว่า จีนจะกลั่นน้ำมัน 15.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน (bpd) ในเดือนพ.ย. ลดลงจาก 15.37 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนต.ค. โดยมีสาเหตุหลักมาจากการปรับลดการผลิตของโรงกลั่นน้ำมันอิสระขนาดเล็กที่เรียกว่า "กาน้ำชา" (teapots) และโรงกลั่นของรัฐ
มีอา เกิ่ง หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์น้ำมันในจีนของ FGE กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า "โรงกลั่นของรัฐควรพิจารณาปรับลดการผลิตเล็กน้อย เนื่องจากโควตาการส่งออกมีจำกัดในช่วงที่เหลือของปีนี้ และยิ่งไปกว่านั้น เรายังเห็นไปแล้วว่าสต๊อกเชื้อเพลิงสำหรับการขนส่งนั้นเพิ่มขึ้น เนื่องจากดีมานด์อ่อนตัวลง"
บรรดาโรงกลั่นน้ำมันของรัฐ ซึ่งทำกำไรมหาศาลจากการส่งออกเชื้อเพลิงเมื่อช่วงต้นปีนี้ มองว่า มีแรงจูงใจเพียงเล็กน้อยในการเพิ่มปริมาณการผลิต เนื่องจากทางการจีนไม่น่าจะออกใบอนุญาตส่งออกเชื้อเพลิงเพิ่มเติมในปีนี้
เจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์ออกนามรายหนึ่งของโรงกลั่นซิโนเปค (Sinopec) กล่าวว่า "อัตรากำไรเกือบจะหายไปหมด เพราะเรากำลังกลั่นน้ำมันดิบที่มีราคาแพงขึ้น ในขณะที่ดีมานด์เชื้อเพลิงกลั่นกลับลดลง" พร้อมเสริมว่า โรงกลั่นของเขาลดการผลิตลงประมาณ 20,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนนี้ ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในปีนี้