หน่วยยามฝั่งสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (20 พ.ย.) ว่า กำลังเร่งค้นหาจุดรั่วไหลของน้ำมันจากท่อส่งน้ำมันใต้น้ำที่อยู่ห่างจากชายฝั่งรัฐหลุยเซียนาในอ่าวเม็กซิโก ซึ่งคาดว่าได้ปล่อยน้ำมันดิบออกมาแล้วมากกว่า 1 ล้านแกลลอน
ทั้งนี้ บริษัทเมน พาส ออยล์ แกธเธอริง (Main Pass Oil Gathering หรือ MPOG) ได้ปิดท่อส่งน้ำมันความยาว 67 ไมล์แล้วเมื่อเช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (16 พ.ย.) หลังพบน้ำมันดิบรั่วไหลห่างออกไปประมาณ 19 ไมล์นอกชายฝั่งสามเหลี่ยมปากแม่น้ำมิสซิสซิปปี ใกล้เมืองพลาคไมน์ส แพริช ทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐนิวออร์ลีนส์
หน่วยยามฝั่งระบุว่า "เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ทีมสังเกตการณ์ทางอากาศตรวจพบน้ำมันดิบเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงใต้ห่างจากแนวชายฝั่งของรัฐลุยเซียนา" ขณะเดียวกัน ทางการยังคงพยายามดำเนินการกู้คืนน้ำมัน และใช้อุปกรณ์ใต้น้ำสำรวจท่อส่งน้ำมันเพื่อค้นหาจุดรั่วไหล
แม้จะไม่ทราบปริมาณน้ำมันที่รั่วไหลออกมาอย่างแน่ชัด แต่หน่วยยามฝั่งสหรัฐระบุว่า จากการคำนวณทางวิศวกรรมเบื้องต้นระบุว่า ปริมาณของน้ำมันดิบที่รั่วไหลอยู่ที่ 1.1 ล้านแกลลอนหรือ 26,190 บาร์เรล
หน่วยยามฝั่งเสริมว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานการบาดเจ็บหรือผลกระทบบริเวณชายฝั่ง และสาเหตุของการรั่วไหลอยู่ในระหว่างการสอบสวน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมของสหรัฐกล่าวเมื่อวันศุกร์ (17 พ.ย.) ว่า หน่วยยามฝั่งได้ขอความช่วยเหลือจากทีมตอบสนองแห่งชาติ (RNT) ซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานรัฐบาลกลาง 15 หน่วยงานที่รับผิดชอบในการทำงานร่วมกันเพื่อจัดการกับเหตุการณ์มลพิษจากน้ำมันที่รั่วไหลลงสู่ทะเล