NRA ยืนยันว่ามาตรการต่าง ๆ ได้รับการปรับปรุงหลังจากการตรวจสอบกลุ่มเครื่องปฏิกรณ์ทั้ง 7 แห่งบนชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น และรับฟังความเห็นจากนายโทโมอากิ โคบายากาวะ ประธาน TEPCO แต่ยังไม่แน่ชัดว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะกลับมาดำเนินงานอีกครั้งหรือไม่ เนื่องจาก TEPCO ยังคงต้องได้รับความยินยอมจากท้องถิ่น
นายฮิเดโยะ ฮานาซูมิ ผู้ว่าราชการจังหวัดนีงาตะ กล่าวว่า "เราจะรับฟังความคิดเห็นของประชาชน แล้วตัดสินใจ"
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เมื่อเดือนเม.ย. 2564 NRA สั่งห้ามการขนส่งหรือบรรทุกเชื้อเพลิงเครื่องปฏิกรณ์ที่เก็บไว้ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์คาชิวาซากิ-คาริวะ เนื่องจากมีมาตรการป้องกันการก่อการร้ายไม่เพียงพอ พร้อมสั่งให้ TEPCO ดำเนินการแก้ไข โดยนายชินสุเกะ ยามานากะ ประธาน NRA กล่าวว่า "เราต้องการให้ (TEPCO) ใช้เรื่องนี้เป็นจุดเริ่มต้น และเราจะเรียกร้องให้มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง" ตามที่ระบุไว้ในรายงานการตรวจสอบ
ทั้งนี้ การเริ่มต้นดำเนินงานโรงไฟฟ้านิวเคลียร์คาชิวาซากิ-คาริวะอีกครั้ง ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามกำลังการผลิต ถือเป็นส่วนสำคัญของแผนการปรับโครงสร้างของ TEPCO เพื่อฟื้นฟูกิจการ หลังจากเกิดภัยพิบัติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะที่เกิดจากแผ่นดินไหวขนาดใหญ่และคลื่นสึนามิเมื่อเดือนมี.ค. 2554
วิกฤตการณ์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิจิ ซึ่งเป็นอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ภัยพิบัติเชอร์โนบิลเมื่อปี 2529 ส่งผลให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์คาชิวาซากิ-คาริวะแห่งนี้และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดนิของ TEPCO ต้องถูกระงับการดำเนินงาน
ในคราวนั้น NRA ระบุว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์คาชิวาซากิ-คาริวะ มีช่องโหว่ เสี่ยงต่อการถูกบุกรุกโดยไม่ได้รับอนุญาตในหลายจุด เนื่องจากระบบตรวจจับผู้บุกรุกและระบบสำรองมีข้อบกพร่อง โดยพบจุดบกพร่องด้านความปลอดภัยตั้งแต่เดือนม.ค. 2564
ช่องโหว่ความปลอดภัยเหล่านี้เกิดขึ้นแม้ว่าเตาปฏิกรณ์หมายเลข 6 และ 7 ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์คาชิวาซากิ-คาริวะจะผ่านมาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวดยิ่งขึ้นของ NRA ซึ่งกำหนดขึ้นหลังจากเหตุภัยพิบัติฟูกูชิมะเมื่อปี 2554
อนึ่ง NRA ยืนยันว่า มาตรการป้องกันการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีได้รับการปรับปรุงแล้วผ่านการตรวจสอบเพิ่มเติมอีก 4,268 ชั่วโมง