บริษัทไชน่า ปิโตรเลียม แอนด์ เคมิคอล คอร์ปอเรชัน หรือซิโนเปค ระบุในรายงานที่เผยแพร่ในวันนี้ (28 ธ.ค.) ว่า บริษัทคาดว่าปริมาณการใช้ถ่านหินของจีนจะแตะจุดสูงสุดในปี 2568 ที่ 4.37 พันล้านตัน
ซิโนเปคกล่าวว่า อุปทานพลังงานที่ไม่ใช่ฟอสซิลซึ่งนำโดยพลังงานแสงอาทิตย์และลม คาดว่าจะกลายเป็นแหล่งพลังงานหลักสำหรับการใช้พลังงานปฐมภูมิมากกว่าครึ่งภายในปี 2588 และมีแนวโน้มจะให้พลังงานเทียบเท่าถ่านหินมาตรฐานปริมาณ 3 พันล้านเมตริกตัน
ซิโนเปคเสริมว่า การบริโภคน้ำมันคาดว่าจะแตะจุดสูงสุดประมาณช่วงกลางปี 2569-2573 ที่ 800 ล้านเมตริกตัน หรือประมาณ 16 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวเร็วกว่าที่คาดในภาคยานยนต์พลังงานใหม่
ขณะเดียวกัน จีนซึ่งเป็นผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก คาดว่าจะใช้น้ำมัน 760 ล้านตันหรือ 15.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้
นอกจากนี้ ซิโนเปคยังคาดการณ์ว่า ดีมานด์ก๊าซธรรมชาติของจีน ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน จะแตะจุดสูงสุดที่ 6.1 แสนล้านลูกบาศก์เมตร ในปี 2583 ซึ่งคิดเป็น 13% ของการใช้พลังงานหลัก เมื่อเทียบกับที่คาดการณ์สำหรับปี 2568 ที่ 4.25 แสนล้านลูกบาศก์เมตร และคิดเป็น 9% ของการใช้พลังงานหลัก
ทั้งนี้ การปล่อยก๊าซคาร์บอนทั้งหมดของจีนจากกิจกรรมด้านพลังงานคาดว่าจะแตะจุดสูงสุดในช่วงระยะเวลาแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะเวลา 5 ปี ฉบับที่ 15 ที่ 1.01 หมื่นล้านเมตริกตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 1.002 หมื่นล้านตันในปี 2566