สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานในวันนี้ (18 ม.ค.) ว่า การเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือผ่านแอฟริกาเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุโจมตีจากกลุ่มกบฏฮูตี กำลังปรับเปลี่ยนรูปแบบการเติมเชื้อเพลิง และหนุนความต้องการเชื้อเพลิงเติมเรือเพิ่มขึ้นในท่าเรือที่อยู่ห่างไกล ตั้งแต่ประเทศมอริเชียสและแอฟริกาใต้ไปจนถึงหมู่เกาะคานารี
นอกจากนี้ ผู้ค้าและนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เรือจะเติมเชื้อเพลิงมากขึ้นที่ท่าเรือในสิงคโปร์และรอตเตอร์ดัม ซึ่งเป็นท่าเรือสำหรับเติมเชื้อเพลง 2 แห่งที่คับคั่งที่สุดและมีราคาเชื้อเพลิงที่ค่อนข้างต่ำ ท่ามกลางความพยายามในการป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเส้นทาง
รายงานระบุว่า การโจมตีเรือพาณิชย์ในทะเลแดงของกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน รวมถึงการตอบโต้การโจมตีจากสหรัฐ ส่งผลให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางตึงเครียดมากขึ้น ในขณะที่สงครามในฉนวนกาซายังคงดุเดือด กลุ่มกบฏฮูตีที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน เล็งเป้าโจมตีเส้นทางขนส่งที่ครองสัดส่วนประมาณ 15% ของการขนส่งทางเรือทั่วโลก และเป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญที่เชื่อมระหว่างยุโรปและเอเชีย
เรือพาณิชย์ขนาดใหญ่หลายร้อยลำเลี่ยงเส้นทางทะเลแดงแล้วเปลี่ยนมาใช้เส้นทางเดินเรือผ่านแหลมกู๊ดโฮปทางใต้สุดของแอฟริกา ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาเดินทางนานขึ้น 10-14 วัน เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีด้วยโดรนและขีปนาวุธจากกลุ่มกบฏฮูตี
จอห์น เอ. บาสซาโดน ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัทเพนนินซูลา ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ด้านเชื้อเพลิงเติมเรืออิสระกล่าวว่า "เรือกำลังเปลี่ยนเส้นทางออกจากทะเลแดงและหันไปใช้เส้นทางผ่านชายฝั่งของแอฟริกาใต้และแอฟริกาตะวันตก การสัญจรที่เพิ่มขึ้นนี้เพิ่มความแออัดอย่างมากในท่าเรือสำหรับเติมเชื้อเพลิงทั่วแอฟริกา ทั้งยังเพิ่มแรงกดดันต่อระบบโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือ"
ผู้ค้าและแหล่งข่าวอุตสาหกรรมระบุว่า อุปสงค์เชื้อเพลิงเติมเรือปรับตัวเพิ่มขึ้นในท่าเรือต่าง ๆ เช่น เมืองพอร์ตหลุยส์ของมอริเชียส, เมืองยิบรอลตาร์ และท่าเรือในหมู่เกาะคานารีและแอฟริกาใต้ โดยยอดขายพุ่งสูงขึ้นในเมืองเคปทาวน์และเมืองเดอร์บัน
ทั้งนี้ ข้อมูลจาก Integr8 Fuels ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์เชื้อเพลิงเติมเรือระบุว่า ราคาเชื้อเพลิงเติมเรือที่มีกำมะถันต่ำในเมืองเคปทาวน์พุ่งขึ้น 15% แตะ 800 ดอลลาร์สหรัฐต่อเมตริกตันตั้งแต่กลางเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่กลุ่มกบฏฮูตีเปิดฉากโจมตีเรือพาณิชย์ในทะเลแดง