ญี่ปุ่นกำลังยกระดับการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในระยะยาวจากประเทศพันธมิตรอย่างสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย เพื่อเตรียมรับมือกับการที่สัญญาจัดหาก๊าซ LNG หลายฉบับที่ทำไว้กับรัสเซียจะหมดอายุในช่วงปี 2573
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ญี่ปุ่นใช้ก๊าซ LNG ในการผลิตไฟฟ้าประมาณหนึ่งในสามของทั้งประเทศ และญี่ปุ่นยังเป็นประเทศที่นำเข้าก๊าซ LNG มากที่สุดเป็นอันดับสองของโลกรองจากจีน
ก๊าซ LNG ยังคงเป็นสัดส่วนพลังงานที่สำคัญของญี่ปุ่น แม้ว่าการนำเข้าก๊าซ LNG จะลดลง 8% ในปี 2566 แตะระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 เนื่องจากญี่ปุ่นหันมาใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีการกลับมาเปิดใช้งานเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์บางส่วนหลังจากปิดใช้งานเมื่อครั้งเกิดภัยพิบัติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะในปี 2554
นับตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา ผู้ซื้อก๊าซ LNG ในญี่ปุ่นได้ทำข้อตกลงซื้อหุ้นใน 5 โครงการผลิตก๊าซในออสเตรเลียและสหรัฐ พร้อมทำสัญญารับซื้อก๊าซระยะยาว 10-20 ปีจากประเทศดังกล่าวมากกว่า 5 ล้านเมตริกตันต่อปี หรือราว 8% ของการใช้ก๊าซทั้งหมดของญี่ปุ่นในปี 2566 จากการคำนวณของรอยเตอร์
ล่าสุดเมื่อเดือนก.พ. เจร่า (JERA) บริษัทผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ตกลงซื้อหุ้น 15.1% ในโครงการผลิตก๊าซของบริษัท วูดไซด์ เอเนอร์จี (Woodside Energy) ในเมืองสการ์เบอโรของออสเตรเลีย นับเป็นการทำข้อตกลงล่าสุดของญี่ปุ่นที่ต้องแสวงหาแหล่งก๊าซ LNG ที่มั่นคงและเชื่อถือได้ในระยะยาว เนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน อาจส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงก๊าซของรัสเซีย
ทั้งนี้ แม้ว่าจะมีอุปสรรคทางการเมือง เช่น กฎระเบียบการปล่อยคาร์บอนฉบับใหม่ที่ออสเตรเลียประกาศใช้ในช่วงกลางปี 2566 และการระงับการออกใบอนุญาตใหม่สำหรับการส่งออกก๊าซ LNG โดยนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ในเดือนม.ค. แต่ญี่ปุ่นยังคงพยายามจัดหาก๊าซ LNG จากทั้งสองประเทศเพื่อความมั่นคงในระยะยาว